บัดนี้ท่านเป็นคริสเตียนแล้ว
    
บทเรียนนี้เป็นบทแรก  เป็นการให้เราทบทวนการเป็นคริสเตียนของเรา  คริสเตียนหมายความว่า 
"ผู้ที่เป็นของพระคริสต์"  ข้อความใน 1โกรินโธ 1.12  
แสดงว่าเราเป็นของพระคริสต์  ผู้ที่ได้สารภาพความเชื่อและรับบัพติศมา  
ผู้นั้นแหละเป็นคริสเตียน (กิจการ 8.26-40)
    หลังจากที่เรา 
"ได้ชำระจิตใจของตนแล้วด้วยเชื่อฟังความจริง" (1เปโตร 1.22)  
ขอเชิญศึกษาดังต่อไปนี้
1. บัดนี้ท่านเป็นคริสเตียนแล้ว  
ท่านจะได้รับอะไร?
    (1) ความรอด  
พระเยซูสัญญาว่าจะประทานความรอดหลังรับบัพติศมา (มาระโก 16.16)  
มาระโกเน้นให้เราเห็นว่าบัพติศมาเป็นที่รอด
    (2) 
ยกโทษความผิดบาป  ผู้ที่กลับใจเสียใหม่จริง ๆ และรับบัพติศมาผู้นั้นกลายมาเป็นคริสเตียน  
ทั้งการกลับใจและการรับบัพติศมาเพื่อความผิดบาปจะยกเสีย (กิจการ 2.38, 3.19)
    (3) 
ลบล้างความผิดบาป  มีชายคนหนึ่งชื่ออะนาเนียบอกให้เซาโลรับบัพติศมาเพื่อลบล้างความผิดบาปของเขาเสีย 
"เราชำระจิตใจของเรา โดยการเชื่อฟังความจริง" (1เปโตร 1.22-23)  
การชำระนั้นเป็นไปได้โดยการเสียสละของพระเยซู  
พระโลหิตของพระองค์หลั่งไหลเป็นราชพลี
    (4) 
พระราชทานพระวิญญาณบริสุทธิ์   
หลังจากที่ได้รับบัพติศมาเพื่อลบล้างความผิดบาปแล้ว  
เราได้รับพระราชทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ (กิจการ 2.38)  
"พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นตราประทับเพื่อเป็นเครื่องมัดจำสำหรับมรดกของเรา" 
เป็นหลักประกันที่แสดงว่าเราเป็นบุตรของพระเจ้า
    (5) 
อิสระพ้นจากความบาป  "ความบาปทำให้เราตกเป็นทาส"  
ความจริงจะทำให้เราเป็นไท  โดยการเชื่อฟังความจริง  
โดยการเชื่อฟังคำสอนนั้น  เราตายในความบาป  ถูกฝังไว้ในบัพติศมาและเป็นขึ้นมาดำเนินตามชีวิตใหม่  
เราพ้นจากความบาป (โรม 6.16-18)
    (6) 
ชื่นชมยินดี  หลังจากที่ขันทีได้รับบัพติศมาจากฟิลิปแล้ว  
ขันทีก็มีความชื่นชมยินดี (กิจการ 8.26-40)
2. บัดนี้เป็นคริสเตียนแล้ว 
ท่านกลายเป็นอะไร?
    (1) 
เป็นสมาชิกในพระกายของพระคริสต์  พระกายนี้คือคริสตจักร (เอเฟโซ 1.22-23) 
ในกายนั้น
        
(ก) เราสนิทกับศีรษะคือพระคริสต์ (โกโลซาย 2.16)
        
(ข) เราเป็นไมตรีกับพระเจ้า (เอเฟโซ 2.16)
        
(ค) ถูกเรียกเป็นกายอันเดียว (โกโลซาย 3.15)
    (2) 
เป็นพลเมืองในอาณาจักรของพระเจ้าแล้ว  (โยฮัน 3.5,  มัดธาย 18.3)  
คริสตจักร คืออาณาจักรของพระเจ้า (มัดธาย 16.18-19)  
พระเยซูคริสต์เป็นกษัตริย์ในอาณาจักรนั้นเราไม่เป็นชาวต่างประเทศ  
หรือแขกแปลกหน้าแต่เป็นพลเมืองในแผ่นดินนั้น  
ในการที่เราได้เป็นพลเมืองของอาณาจักรนั้น  เราได้พ้นจากอำนาจแห่งความมืด
    (3) 
เป็นบุตรในครอบครัวของพระเจ้า  คริสตจักรเป็นครอบครัวของพระเจ้า  
เราเป็นบุตรของพระเจ้าในพระคริสต์  และเราได้รับบัพติศมาเข้าส่วนในพระคริสต์  
ในฐานะที่เราเป็นบุตรของพระเจ้าเราได้รับพระพรและมีสิทธิ
        
(ก) ในการอธิษฐาน  มัดธาย 6.6
        
(ข) การพิทักษ์รักษา  มัดธาย 28.18-20
        
(ค) การเลี้ยงดี  มัดธาย 6.24-33
        
(ง) การดูแล  โรม 8.28
    (4) 
เราเป็นแกะในฝูงขององค์พระผู้เป็นเจ้า   (กิจการ 20.28,  
บทเพลงสรรเสริญ 23)
    (5) 
เป็นทหารในกองทัพขององค์พระผู้เป็นเจ้า  (2ติโมเธียว 2.3-4)  
เรากำลังเผชิญกับอำนาจของซาตาน  พระเยซูเป็นแม่ทัพ  จงต่อสู้  
เรามีมงกุฎ (2ติโมเธียว 4.6-8)  ข้าพเจ้าปล้ำสู้อย่างดีแล้ว
    (6) 
เป็นผู้ร่วมทำการ  คริสตจักรเป็นที่ซึ่งคริสเตียนร่วมกันทำการ  
มิใช่เป็นหอพักสำหรับนอนหลับ  1โกรินโธ 3.9 สอนว่าเราเป็น  (ก)ผู้ทาการ  
(ข)ทำการร่วมกัน  (ค)เป็นผู้ร่วมทาการกับพระเจ้า  
ความยินดีในการทำการกับพระเจ้า  
คนที่หว่านพืชด้วยน้ำตาไหลจะเก็บเกี่ยวผลด้วยความยินดี  (บทเพลงสรรเสริญ 
126.5-6)  ตั้งมั่นคงอยู่ ทำการขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้บริบูรณ์ทุกเวลา
    (7) 
เป็นกิ่งองุ่น  (โยฮัน 15.1-8)  เราต้องบังเกิดผลแก่พระเจ้า 
ถ้าไม่เกิดผลก็ต้องทิ้งในไฟ  เราควรเกิดผลในการดีทุกอย่าง
    (8) 
เป็นปุโรหิตในวิหาร  (1เปโตร 2.5-8)  เป็นปุโรหิตถวายเครื่องสักการบูชา 
ทำการดี  รายได้ของเราและกายของเราให้ถวายแก่พระเจ้าดีที่สุด
    (9) 
เป็นศิลาในอาคารของพระองค์  (1เปโตร 2.5)  เราต้องแบกภาระของเรา  
และเสริมสร้างความสวยงามแก่อาคารของพระเจ้า
    (10) 
เป็นเจ้าสาวของพระคริสต์ (เอเฟโซ 1.14)  
เราต้องรักษาตนเองแก่พระเจ้าให้บริสุทธิ์
3. บัดนี้ท่านเป็นคริสเตียนแล้ว 
ท่านควรทำอะไรบ้าง?
    (1) 
ดำเนินตามชีวิตใหม่ (โรม 6.3-4)  คริสเตียนจะไม่ดำเนินตามชีวิตเหมือนสมัยก่อน 
ๆ แสดงว่าเขากลับใจเสียใหม่จริง ๆ 
    (2) 
ปรารถนาที่จะได้น้ำนมแห่งพระคำ  เพื่อท่านจะได้เจริญขึ้น  
เราต้องหิวกระหายความชอบธรรม  ไม่ช้าเราอาจรับประทานอาหารแข็ง (เฮ็บราย 
5.12-14)  
ผู้ที่ไม่อยากอาหารแสดงว่าผู้นั้นมีอาการป่วยทางฝ่ายวิญญาณจิตอย่างหนัก
    (3) 
แต่ถ้าผู้ใดถูกการร้ายเพราะมีชื่อว่าเป็นคริสเตียน (1เปโตร 4.16)  
มีชีวิตที่จะไม่ทำความเสื่อมเสียมาสู่ชื่อนั้น
    (4) 
ตั้งมั่นคงอยู่ ไม่สะเทือนสะท้าน ยืนมั่น 
เพื่อผู้อื่นจะได้เห็นว่าเราตั้งมั่นคงอยู่
    (5) 
แสดงฝีมือความสามารถของท่านในการเสริมสร้างคริสตจักรให้เจริญขึ้น (เอเฟโซ 4.15-16)  
สมาชิกทุกคนควรทำหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุด
    (6) 
แสวงหาสิ่งที่อยู่เบื้องบนสวรรค์  (โกโลซาย 3.1-2 เปรียบเทียบกับ โกโลซาย 
2.12)  ที่นั่นเป็นที่ประทับของพระเจ้าของเรา  เป็นทรัพย์สมบัติของเรา  
เราเป็นพลเมือง (ฟิลิปปอย 3.20)  ความหวังของเรา มรดกของเรา 
และผู้ช่วยให้รอดของเรา
    (7) 
บอกผู้อื่นเรื่องผู้ช่วยให้รอดของเรา  (กิจการ 9.20)  จงเป็นเหมือนอันดะเรอา  
เราได้รับความรอดเพื่อที่จะช่วยผู้อื่นให้รอดด้วย  
ชีวิตของเราควรเป็นพรกระจายไปถึงผู้อื่น  มิใช่รับแต่เพียงอย่างเดียว
    (8) 
อย่าล้มลงเหมือนซีโมน  (กิจการ 8.13-24)  ศึกษาคำอุปมาเรื่องคนหว่านพืช (ลูกา 
8.4-15)  ถ้าเราทิ้งความเชื่อ  
ทางของเราก็เลวร้ายมากยิ่งกว่าก่อนที่เรายังไม่ได้เป็นคริสเตียนเสียอีก  
ฉะนั้นจงตั้งมั่นคงอยู่ อย่าล้มลง
    
ในฐานะที่ท่านเป็นบุตรของพระเจ้า  ท่านต้องเชื่อฟังพระองค์ด้วยความรอด (วิวรณ์ 
22.14)  ในฐานะที่ท่านเป็นทหาร  ท่านต้องต่อสู้เพื่อความเชื่อ (1ติโมเธียว 
6.12)  ในฐานที่เป็นผู้ทำการ  จงทำการด้วยความขยัน (1โกรินโธ 15.58)  
ในฐานะที่เป็นกิ่ง ท่านควรเกิดผล (2เปโตร 1.5-11)  
ในฐานะที่เป็นปุโรหิตท่านถวายเครื่องบูชาอันมีชีวิต (1เปโตร 2.5)  
ในฐานที่เป็นศิลาท่านต้องแบกภาระ (ฆะลาเตีย 6.5)  
ในฐานที่เป็นเจ้าสาวของพระคริสต์ ท่านควรรักษาความบริสุทธิ์ของคริสตจักร (ยาโกโบ 
1.27)  ในฐานะที่เป็นกายของพระคริสต์  ต้องรักษาความสามัคคีไว้ (1โกรินโธ 
12.13-27, เอเฟโซ 4.3-6)  ในฐานะที่เป็นพลเมือง 
ท่านต้องเชื่อฟังผู้ปกครองในคริสตจักร (เฮ็บราย 5.8-9)  
ในฐานะที่เป็นแกะต้องติดตามพระเยซู (1เปโตร 2.21, โยฮัน 10.27)
    สรุป  
ในการเป็นคริสเตียนนั้น เราได้รับพระพรใหญ่หลวง  
นั่นหมายความว่าเราควรแบกความรับผิดชอบด้วยเช่นกัน
ตอบคำถาม คลิกที่นี่  https://docs.google.com/forms/d/1sMvtfz8b2GUd6lpsAIud0qZD468ZcsehGLsx4CwdGuU/viewform 
