บทที่12

 อย่าประพฤติตามอย่างชาวโลกและการวินิจฉัยถูกหรือผิด

    สมาชิกของคริสตจักรมีนิสัยรักโลก  เป็นปัญหาที่อันตรายซึ่งคริสตจักรเผชิญ  คริสเตียนเป็นจำนวนมากดูดซึมเอาความรักโลกเข้าไปเป็นชีวิตจิตใจเส้นแบ่งระหว่างคริสตจักรกับโลกถูกกลบไปแล้ว  มองไม่เห็นความแตกต่างระหว่างชาวโลกกับคริสเตียน  ด้วยเหตุผลดังกล่าวเราทั้งหลายมีหน้าที่รับผิดชอบที่จะสอนให้คริสเตียนรู้ถึงอันตรายของความชั่วดังกล่าว  และเพื่อให้รู้จุดจบของความชั่วดังกล่าวจะเป็นอย่างไร

1. คำจำกัดความของคำว่า "คริสตจักร"
    คำว่า "คริสตจักร" มาจากภาษากรีกว่า "เอคคลัสเซีย"  ซึ่งแปลว่า "ถูกเรียกออกมา"  เพราะฉะนั้นสมาชิกของคริสตจักรจึงมีชื่อว่า "สิทธชน"  1โกรินโธ 1.2 "คำนับ​มา​ยัง​คริสตจักร​ของ​พระ​เจ้า​ซึ่ง​อยู่​ที่​เมือง​โก​ริน​โธ, คือ​เหล่า​สมาชิก​ผู้​ที่​ถวาย​ตัว​ไว้​แล้ว​ใน​พระ​เยซู​คริสต์, และ​ซึ่ง​พระ​องค์​ได้​ทรง​เลือก​ให้​เป็น​สิทธิ​ชน, กับ​ทั้ง​คน​ทั้ง​ปวง​ใน​ทุก​ตำบล​ที่​อธิษฐาน​ออก​พระ​นาม​พระ​เยซู​คริสต์​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ของ​เขา​และ​ของ​เรา​ด้วย"  คำว่า "สิทธชน" หมายถึง "ผู้ที่ถูกแยกออกมา"  เพราะเหตุนี้เอง คริสตจักรจึง "ไม่ใช่เป็นฝ่ายโลกนี้"  ถึงแม้จะอยู่ในโลกนี้ก็ตาม
    โยฮัน 18.36 "พระ​เยซู​ทรง​ตอบ​ว่า “แผ่น​ดิน​ของ​เรา​มิได้​เป็น​อย่าง​แผ่น​ดิน​โลก​นี้ ถ้า​แผ่น​ดิน​ของ​เรา​เป็น​อย่าง​แผ่น​ดิน​โลก​นี้. พวก​ของ​เรา​ก็​คง​ได้​ต่อสู้​ไม่ให้​เรา​ตก​ใน​มือ​ของ​พวก​ยู​ดาย แต่​บัดนี้​แผ่น​ดิน​ของ​เรา​หา​ได้​เป็น​อย่าง​นั้น​ไม่"
    คริสเตียนทั้งหลายได้ละทิ้งโลกมาแล้ว  เขาไม่ควรมีชีวิตเหมือนชาวโลกอย่างหวังว่าการมีชีวิตแบบชาวคริสเตียนแล้วจะไม่มีบาป  โรม 12.9 "จง​ให้​ความ​รัก​ปราศ​จาก​มารยา จง​เกลียด​ชัง​สิ่ง​ที่​ชั่ว จง​ยึด​ถือ​สิ่ง​ที่​ดี​ไว้"  (1เธซะโลนิเก 5.22)

2. ศึกษาข้อพระคัมภีร์เกี่ยวกับเรื่องนี้
    (1) โรม 12.2 "อย่า​ประพฤติ​ตาม​อย่าง​ชาวโลก​นี้ แต่​ว่า​จง​เปลี่ยน​นิสสัย​เสีย​ใหม่, เพื่อ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​ได้​สังเกต​รู้จัก​น้ำ​พระทัย​ของ​พระ​เจ้า ว่า​อะไร​ดี อะไร​เป็น​ที่​ชอบ และ​อะไร​ยอด​เยี่ยม"  คำว่า "โลก" จากข้อนี้มีความหมายว่า "สมัย" เพราะฉะนั้นเปาโลเรียกร้องมิให้เราประพฤติ, เลียนแบบ, ทำตามสมัยนี้ แม้กระนั้นก็ตาม ยังมีบางคนมีมาตรฐานศีลธรรมตามสมัยนิยมของคนโลกนี้  โปรดอ่าน เอ็กโซโด 23.2 " เจ้า​อย่า​ได้​กระทำ​การ​ชั่ว​ตาม​อย่าง​คน​ส่วนมาก​ที่​เขา​กระทำ​กัน​นั้น​เลย"  (มัดธาย 7.13-14)  ยิ่งกว่านั้นคำว่า "เปลี่ยนนิสัยเสียใหม่"  มาจากภาษากรีก จากคำว่า "เมทามอร์โฟซิส" เหมือนกับตัวหนอนผีเสื้อที่น่าเกลียดเปลี่ยนเป็นผีเสื้อที่สวยงาม  คริสเตียนจะต้องทิ้งมนุษย์เก่าซึ่งอยู่ฝ่ายวัตถุนิยมและฝ่ายโลกนี้เปลี่ยนให้เป็นเหมือนกับพระฉายของพระเยซู 2โกรินโธ 3.18  ถูกแล้ว  คริสเตียนไม่ควรประพฤติตนเหมือนอย่างชาวโลกนี้ในเรื่องการใช้วาจา,  ในเรื่องการแต่งกาย, ในเรื่องการเล่น, การพักผ่อนหย่อนใจ การเหล่านี้ควรเป็นอีกแบบของคริสเตียนซึ่งไม่เหมือนกับชาวโลก
    (2) 2โกรินโธ 6.17-18 " เหตุ​ฉะนั้น​พระ​เจ้า​จึง​ตรัส​ว่า, “เจ้า​จง​ออกมา​จาก​ท่ามกลาง​เขา​เหล่านั้น, และ​จง​อยู่​ต่างหาก อย่า​ถูกต้อง​สิ่ง​ซึ่ง​มลทิน และ​เรา​จะ​รับ​เจ้า​ทั้ง​หลาย​ไว้.  เรา​จะ​เป็น​บิดา​ของ​เจ้า​ทั้ง​หลาย, และ​เจ้า​ตั้ง​หลาย​จะ​เป็น​บุตรชาย​บุตร​หญิง​ของ​เรา” พระ​เจ้า​ผู้​ทรง​ฤทธิ์​เดช​ทุก​ประการ​ได้​ตรัส​ดังนั้น"  ข้อความนี้สอนว่า
        (ก) ออกมาจากท่ามกลางชาวโลก
        (ข) เป็นคำเรียกร้องจากพระเจ้า
        (ค) คำเรียกร้องแยกตนเองอยู่ต่างหากให้เด็ดขาด
        (ง) พระเจ้าจะรับเราทั้งหลาย
    (3) เอเฟโซ 5.11 "และ​อย่า​เข้า​ส่วน​กับ​กิจการ​ของ​ความ​มืด​ที่​ไร้​ผล, แต่​จง​ให้​กิจการ​นั้น​ปรากฏ​เปิดเผย​ดีกว่า" คำว่า "เข้าส่วนกับ" หมายถึง การเข้าร่วมหัวจมท้ายมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย โปรดสังเกตคำว่า "อย่า" ในข้อพระคัมภีร์แสดงว่าอัครสาวกเปโลห้ามมิให้เรามีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผิด  เราควรพิสูจน์ดูว่าสิ่งนั้นเป็นที่พอพระทัยองค์พระผู้เป็นเจ้าหรือเปล่า  และควรให้การนั้นเป็นที่เปิดเผยดีกว่าแสดงว่าเราไม่ควรเพียงแต่ไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย แต่เราควรพิสูจน์ดูด้วย
    (4) เอเฟโซ 5.25-27 " ฝ่าย​สามี​จง​รัก​ภรรยา​ของ​ตน, เหมือน​อย่าง​พระ​คริสต์​ได้​ทรง​รัก​คริสตจักร​ด้วย, และ​ได้​ทรง​ประทาน​พระ​องค์​เอง​เพื่อ​คริสตจักร​นั้น  เพื่อ​จะ​ได้​ทรง​กัน​คริสตจักร​นั้น​ไว้​โดย​ที่​ได้​ทรง​ชำระ​ด้วย​น้ำ​และ​พระ​คำ,  เพื่อ​พระ​องค์​จะ​ได้​คริสตจักร​ซึ่ง​มี​สง่า​ราศี, ไม่​มี​ตำหนิ, รอย​ย่น, หรือ​มลทิน​อื่นๆ อย่าง​หนึ่ง​อย่าง​ใด​เลย, แต่​บริสุทธิ์​และ​ปราศ​จาก​ตำหนิ"
    ข้อพระคัมภีร์ตอนนี้สอนเกี่ยวกับการรักษาความบริสุทธิ์ของคริสตจักร  ถ้าความบริสุทธิ์ของคริสตจักรถูกทำลายไป  คริสตจักรจะไม่มีความหมายคริสตจักรเป็นสถาบันที่มีสง่าราศี  ไม่มีความด่างพร้อย  ความนิยมชมชอบต่อโลกทำให้คริสตจักรมีจุดด่างพร้อย

3. ตัวอย่างของคนที่ฝักใฝ่เรื่องโลก
    (1) เดมา ในฟิเลโมน 1.24 "และ​มาระ​โก​กับ​อา​ริศ​ตา​โค และ​เด​มา และลู​กา ผู้​เป็น​เพื่อน​ร่วม​งาน​ด้วยกัน​กับ​ข้าพ​เจ้า ก็​ฝาก​คำ​คำนับ​มา​ยัง​ท่าน​ด้วย"  เดมาเคยเป็นเพื่อนร่วมทำการกับอัครสาวกเปาโล  เมื่ออ่านต่อมาในโกโลซาย 4.14  "ลู​กา​ผู้​เป็น​แพทย์​ที่​รัก​กับ​เด​มา​ฝาก​คำ​คำนับ​มา​ยัง​พวก​ท่าน"  เปาโลได้กล่าวเพียงแต่ชื่อของเขา  ประการที่สามซึ่งเปาโลกล่าวถึงเดมาเป็นครั้งสุดท้ายว่า เดมาได้ละทิ้งเปาโลเสียแล้ว  ช่างเป็นกราฟที่แสดงให้เห็นสถิติความก้าวหน้าของความบาปที่ทำกิจในชีวิตของเดมา  ปัญหาคือว่าทำไมเดมาละทิ้งเปาโล คำตอบก็คือ เดมามีความผูกพันรักใคร่กับโลกนี้
    (2) ลูกสาวของโลต  เยเนซิศ 19.36 "ดังนี้แหละบุตรสาวของโลตจึงได้มีท้องกับบิดาของตนทั้งสองคน"  โลตได้พาครอบครัวไปอาศัย  อยู่ในเมืองซะโดมแต่ไม่แค่นั้นโลตปล่อยให้ซะโดมอาศัยอยู่ในเขา  ผลของการกระทำย่อมประจักษ์แจ้งเป็นอย่างดี

4. ความรักโลกแสดงออกในคริสตจักรเป็นลักษณะแบบไหน?
    (1) คริสเตียนบางคนมีการคบค้าสมาคมกับคนในโลก  แทนที่จะคบกับพวกคริสเตียนด้วยกันเอง  1โกรินโธ 15.33 "ท่านทั้งหลายอย่าลวงตนเองเลย การคบค้าสมาคมกับคนชั่วนั้นย่อมทำให้นิสัยดีกลับชั่วไปด้วย"  โปรดสังเกตดูอิทธิพลของชาวซะโดมที่มีต่อครอบครัวของโลต  และพิจารณาดูเรื่องราวที่อัครสาวกเปโตรปฏิเสธพระเยซู
    (2) การทำให้ความสนใจฝ่ายโลกเป็นเรื่องที่สำคัญในชีวิต  เรื่องอื่นเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญ  เราไม่ควรทำให้ความอยากร่ำรวยเป็นเป้าประสงค์ในชีวิต
    มัดธาย 6.19-21 "อย่า​ส่ำ​สม​ทรัพย์​สมบัติ​ไว้​สำหรับ​ตัว​ใน​โลก, ที่​ตัว​หนอน​และ​สนิม​อาจ​ทำลาย​เสีย​ได้, และ​ที่​ขโมย​อาจ​ขุด​ช่อง​ล้วง​ลัก​เอา​ไป​ได้.  แต่​จง​ส่ำ​สม​ทรัพย์​สมบัติ​ไว้​ใน​สวรรค์, ที่​หนอน​หรือ​สนิม​ทำลาย​เสีย​ไม่ได้, และ​ที่​ไม่​มี​ขะโมย​ขุด​ช่อง​ล้วง​ลัก​เอา​ไป​ได้   เพราะว่า​ทรัพย์​สมบัติ​ของ​ท่าน​อยู่​ที่​ไหน, ใจ​ของ​ท่าน​ก็​อยู่​ที่​นั่น​ด้วย"
    โกโลซาย 3.1 "ถ้า​เมื่อ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ถูก​ชุบ​ให้​เป็น​ขึ้น​มา​ด้วยกัน​กับ​พระ​คริสต์​แล้ว, ก็​จง​แสวง​หา​สิ่ง​เหล่านั้น​ซึ่ง​อยู่​เบื้อง​บน, ที่​พระ​คริสต์​สถิต, คือ​ประทับ​อยู่​เบื้อง​ขวา​พระ​หัตถ์​ของ​พระ​เจ้า"  เราควรปฏิบัติตามคำสั่งสอน  ในมัดธาย 6.33 "แต่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​แสวงหา​แผ่น​ดิน​ของ​พระ​เจ้า​และ​ความชอบ​ธรรม​ของ​พระ​องค์​ก่อน, แล้ว​พระ​องค์​จะ​ทรง​เพิ่มเติม​สิ่ง​ทั้ง​ปวง​เหล่านี้​ให้"  ในมัดธาย 16.24-26 "ถ้า​ผู้ใด​จะ​ใคร่​ตาม​เรา​มา ให้​ผู้​นั้น​เอา​ชะ​นะ​ตัวเอง​และ​รับ​กางเขน​ของ​ตน​แบก​ตาม​เรา​มา   ด้วย​ว่า​ผู้ใด​จะ​ใคร่​เอา​ชีวิต​ของ​ตน​รอด, ผู้​นั้น​จะ​เสียชีวิต แต่​ผู้ใด​จะ​เสียชีวิต​ของ​ตน​เพราะ​เห็น​แก่​เรา ผู้​นั้น​จะ​ได้​ชีวิต​รอด   เพราะ​ถ้า​ผู้ใด​จะ​ได้​สิ่งของ​สิ้น​ทั้ง​โลก, แต่​ต้อง​เสียชีวิต​ของ​ตน​จะ​เป็น​ประ​โยชน์​อะไร? หรือ​ใคร​จะ​เอา​อะไร​มา​แลก​กับ​ชีวิต​ของ​ตน?"  แสดงให้เห็นว่า การสนใจฝ่ายเนื้อหนังเป็นเป้าประสงค์ของชีวิต เป็นเรื่องโง่  โปรดดู 1ติโมเธียว 6.7 "เพราะว่า​เรา​เข้า​มา​ใน​โลก​ไม่ได้​เอา​อะไร​มา​ฉัน​ใด, เรา​ไป​จาก​โลก​ก็​เอา​อะไร​ไป​ไม่ได้​ฉัน​นั้น"
    (3) การหย่าร้าง  โปรดศึกษา มัดธาย 19.9 "ฝ่าย​เรา​บอก​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ว่า ผู้ใด​อย่า​ภรรยา​ของ​ตน​เพราะ​เหตุ​ต่างๆ เว้น​แต่​ผิด​กับ​ชาย​อื่น แล้ว​ไป​มี​ภรรยา​ใหม่, ก็​ผิด​ประเวณี (และ​ผู้ใด​รับ​หญิง​ที่​อย่า​แล้ว​นั้น​มา​เป็น​ภรรยา, ก็​ผิด​ประเวณี​ด้วย)"
    โรม 7.2-3 "เพราะว่า​ผู้หญิง​ที่​สามี​ยัง​มี​ชีวิต​อยู่​นั้น​ต้อง​อยู่​ใน​กฎ​ประเพณี​สามี​ภรรยา แต่​ถ้า​สามี​ตาย​แล้ว, ผู้หญิง​นั้น​จึง​พ้น​จาก​กฎ​นั้น   เหตุ​ฉะนั้น​เมื่อ​สามี​ยัง​มี​ชีวิต​อยู่, ถ้า​ผู้หญิง​นั้น​ไป​หลบ​นอน​กับ​ชาย​อื่น, เขา​ก็​ได้​ชื่อ​ว่า​เป็น​หญิง​ล่วง​ประเวณี แต่​ว่า​ถ้า​สามี​ตาย​แล้ว, เขา​ก็​พ้น​จาก​กฎ​ประเพณี​สามี​ภรรยา​นั้น แม้​เขา​ไป​แต่งงาน​กับ​ชาย​อื่น​ก็​หา​ผิด​ประเวณี​ไม่"  เป็นพระประสงค์ของพระเจ้าตลอดกาลที่จะให้มนุษย์อยู่กินเป็นสามีภรรยาเดียวชั่วชีวิต
    มาลาคี 2.16 "พระ​ยะ​โฮ​วา​จอมพล​โยธา​ตรัส​ว่า, ​“เรา​เป็น​ผู้​เกลียด​การ​หย่าร้าง​กัน,”​ ​พระ​ยะ​โฮ​วา​จอมพล​โยธา​ตรัส​ว่า, ​“เรา​ชัง​คน​ข่มเหง​เมีย. ​เจ้า​ทั้ง​หลาย​จง​ระวัง​จิตต์​ใจ​ของ​เจ้า​ไว้​ให้​ดี, ​และ​อย่า​ได้​ประพฤติ​ไม่​ซื่อตรง​ต่อ​นาง"  คริสเตียนบางคนมีความคิดหละหลวมในเรื่องชีวิตการสมรสและในเรื่องระยะเวลาของการใช้ชีวิตในการสมรส  จากความสนใจของสมาชิกของคริสตจักรที่แต่งงานกับชาวโลก  และจากการที่คริสเตียนทำการหย่าร้างกันในคริสตจักรเราจำเป็นต้องแก้ไขปัญหานี้
    (4) ปล่อยตัวสนุกสนานแบบชาวโลก  คริสเตียนที่ปล่อยตัวสนุกสนานแบบชาวโลก  สร้างความประทับใจที่ผิดให้กับคนในโลกเกี่ยวกับศาสนาคริสต์  เพราะการที่คริสเตียนไปปรากฎตัวตามสถานที่บางแห่งซึ่งเขาไม่ควรไป  หรือทำในสิ่งที่เขาไม่ควรทำต่อไปนี้  เป็นการสนุกสนานที่พวกคริสเตียนไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง  การเต้นรำ (ฆะลาเตีย 5.19-21)  ผู้หญิงผู้ชายอาบน้ำปนกัน (1ติโมเธียว 2.9-10)  การดื่มเหล้าเพื่อสังคม  สุภาษิต 23.20 "อย่ามั่วสุมกับนักเสพเหล้าองุ่น, หรือกับคนกินเนื้อเติบ"  การพนัน ฆะลาเตีย 5.21 "การอิจฉากัน, การเมาเหล้า, การเล่นเป็นพาลเกเรต่าง ๆ, และการอื่น ๆ เช่นนั้นอีก เหมือนข้าพเจ้าได้ว่าแก่ท่านทั้งหลายแต่ก่อน  บัดนี้ข้าพเจ้าจึงว่าแก่ท่านอีกเหมือนกันว่า  คนเหล่านั้นที่กระทำการเช่นนั้นจะรับส่วนในแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้"
    ก่อนที่จะร่วมสนุกสนานด้วยสิ่งใดก็ตาม  คริสเตียนควรตอบคำถามต่อไปนี้จะช่วยให้คริสเตียนตัดสินอะไรถูกอะไรผิด
    ก) พระคัมภีร์ว่าอย่างไรเรื่องนี้?
    ข) พระเยซูทำอย่างไร?
    ค) ถ้าพระเยซูมาพบสิ่งกำลังทำอยู่นี้จะเป็นอย่างไร?
    ง) สิ่งนี้จะทำลายอิทธิพลในการเป็นคริสเตียนหรือไม่?
    จ) สิ่งนี้จะทำลายจิตวิญญาณและร่างกายหรือเปล่า?
    ฉ) สิ่งนี้สิ้นเปลืองเวลาและเงินโดยใช่เหตุหรือเปล่า?
    ช) จะทำให้ผู้อื่นสะดุดหรือเปล่า?
    ซ) ในฐานะที่เป็นคริสเตียนมีส่วนร่วมได้หรือไม่?
    แทนที่เราจะร่วมกระทำสิ่งที่ผิดทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามันผิด  ทำไมเราไม่กระทำสิ่งที่ถูกแน่ ๆ และบริสุทธิ์  เช่น การออกไปเที่ยวตามสวนสาธารณะ, การขึ้นภูเขา, ไปเที่ยวน้ำตก, ตกปลา, ล่าสัตว์, เล่นกีฬาต่าง ๆ, ฟังดนตรีที่ดี, อ่านหนังสือที่ดี, ศิลปะ, การร้องเพลงร่วมกัน ฯลฯ

    สรุป  ไม่ต้องออกกำลังมากเพื่อจะเป็นเหมือนชาวโลก  แต่ที่จะเป็นเหมือนพระเยซูเราต้องทิ้งโลกไว้เบื้องหลัง  เราจะรับพระเยซูและจะแบกโลกไว้ก็ไม่ได้

ตอบคำถาม คลิกที่นี่  https://docs.google.com/forms/d/1Tm3v9HKzswFIeKfEPv7JSINKR9YcIH-tZQpJAImEGnw/viewform