จงระวังให้ดีเกรงว่าจะหลงผิดไป
อัครสาวกเปาโลสอนว่า
"เหตุฉะนั้นคนที่คิดว่าตัวมั่นคงดีอยู่แล้วจงระวังให้ดี กลัวว่าจะหลงผิดไป" 1โกรินโธ
10.12 บนเส้นทางไปสู่สวรรค์ เราพบว่าบางคนสะดุดล้มลงในความเชื่อ
บางทีก็ประสบกับการทดลองจึงทิ้งความเชื่อ
พระคัมภีร์กล่าวถึงผู้ที่หันกลับไปตามทางชีวิตแบบชาวโลกหลายแห่ง อัครสาวกเปาโลเตือนสติว่า
เขากำลังบากบั่นมุ่งไปกว่าจะถึงธงชัย ฟิลิปปอย 3.14 "คือข้าพเจ้ากำลังบากมั่นมุ่งไปกว่าจะถึงธงชัย,
และได้รางวัล ซึ่งพระเจ้าได้ทรงเรียกเราให้ตะเกียกตะกายไปรับโดยพระเยซูคริสต์"
ในฆะลาเตีย 5.4 "ท่านทั้งหลายที่ปรารถนาจะได้ความชอบธรรมโดยพระบัญญัติ
ก็ขาดจากพระคริสต์, และได้ทำให้พระคุณหลุดหายไปเสียแล้ว"
พูดถึงผู้ที่หลงหายจากพระคุณของพระคริสต์ ในเฮ็บราย 2.1-2
"เหตุฉะนั้นควรเราจะเอาใจใส่ในข้อความเหล่านั้นซึ่งเราได้ยินมากขึ้น,
เกรงว่าเราจะบังเอิญลอยผ่านข้อความเหล่านั้นไป ด้วยว่า
ถ้าถ้อยคำซึ่งทูตสวรรค์ได้กล่าวไว้นั้นมีหลักฐานจริง,
และการล่วงเกินกับการไม่เชื่อฟังทุกอย่างย่อมรับผลกรรมตามความยุตติธรรม"
พระคัมภีร์กล่าวถึงผู้ที่ไม่เอาใจใส่ต่อความจริงจะกลายเป็นคนที่ลอยผ่านความจริงไป
ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า "Drifting"
หมายความว่าห่างเหินจากความจริงทีละเล็กทีละน้อย ในมัดธาย 24.12
"เพราะความชั่วทวีขึ้น, ความรักของคนเป็นอันมากจะเยือกเย็นลง"
ใช้ประโยคว่า "ความรักเยือกเย็นลง" ในวิวรณ์ 2.4
"แต่เรามีข้อที่จะต่อว่าเจ้าบ้าง, ด้วยว่าเจ้าสลัดความรักดั้งเดิมของเจ้า"
กล่าวว่า "สลัดความรักดั้งเดิม" การหลุดจากพระคุณของพระเจ้า
มักจะไม่เกิดขึ้นทันที
แต่จะค่อยเป็นค่อยไปทีละน้อยจนเมื่อถึงขั้นสุดท้ายจะถอยกลับก็รู้สึกว่ายากเสียแล้ว
ตัวอย่างการถอยหลังของอัครสาวกเปโตร ในมัดธาย 26.75 "เปโตรก็ระลึกถึงคำที่พระเยซูตรัสไว้แก่เขาว่า,
“ก่อนไก่ขันท่านจะปฏิเสธเราถึงสามครั้ง” แล้วเปโตรออกไปร้องไห้ข้างนอกเป็นทุกข์ยิ่งนัก"
และเดมา ใน 2ติโมเธียว 4.10 "เพราะว่าเดมาทิ้งข้าพเจ้าเสียแล้ว,
ด้วยเขารักโลกปัจจุบันนี้, เขาจึงไปเมืองเธซะโลนิเกแล้ว และเกร็ศเกได้ไปยังมณฑลฆะลาเตีย,
และติโตได้ไปยังเมืองดัลมาเตีย" และเรื่องของบุตรน้อย ในลูกา
15.11-32 เรื่องราวที่ยกมาเป็นตัวอย่างให้เห็นการถอยหลังทีละเล็กทีละน้อย
โปรดระลึกถึงเรื่องของโลตที่ตั้งทับอาศัยของตนหันหน้าไปทางเมืองซะโดม
จนครอบครัวต้องได้รับความวิบัตินั้น
เป็นการคืบคลานเข้าไปสู่ความหายนะทีละเล็กทีละน้อยกว่าจะรู้ตัวก็สายไปแล้ว
1. การหลงผิดเป็นไปได้แม้ถึงขั้นที่กลับใจไม่ได้
นั้นหมายความว่าเขาจะพินาศชั่วนิรันดร์
(1) ข้อความต่อไปนี้แสดงให้เห็นว่า
บางคนอาจจะหลงผิดไป เฮ็บราย 4.11
"เหตุฉะนั้นเราทั้งหลายอุตส่าห์เข้าในที่สงบสุขนั้น
เพื่อมิให้ผู้หนึ่งผู้ใดตกหลงไปในการไม่เชื่อฟังเช่นเขาเหล่านั้นซึ่งเป็นตัวอย่าง"
(เฮ็บราย 3.12, 1โกรินโธ 9.27, 10.12) ฆะลาเตีย 4.9
"แต่บัดนี้ครั้นท่านทั้งหลายรู้จักพระเจ้าแล้ว. หรือพูดให้ถูกกว่า
ก็ว่าพระเจ้าทรงรู้จักท่านทั้งหลาย,
เป็นไฉนท่านจึงจะกลับไปหาโลกธรรมอันอ่อนแอและอนาถา,
และอยากเป็นทาสสิ่งเหล่านั้นอีก?"
2เปโตร 2.14-15
"ตาเขาเต็มไปด้วยความปรารถนาแห่งการล่วงประเวณี,
และเขาหยุดกระทำบาปไม่ได้เลย เขาวางกับดักคนที่มีจิตต์โลเล
เขามีใจชินคับการโลภ เขาเป็นลูกแห่งความแช่งสาป
เขาได้สละทิ้งทางตรง, ได้หลงทางไป, ได้ทำตามอย่างบีละอามบุตรบะโอระ,
ที่ได้ชอบบำเหน็จแห่งการอธรรม" (2เปโตร 2.20-22, 1.10-11, 3.7)
1ติโมเธียว 1.19-20 "ยึดความเชื่อไว้,
และมีใจวินิจฉัยผิดและชอบอันดี.
สิ่งเหล่านั้นบางคนได้ละทิ้งเสียแล้ว,
จึงเสียความเชื่อนั้นเหมือนเรืออับปาง ในคนเหล่านั้นมีฮุเมนายและอาเล็กซันดะโร
ซึ่งข้าพเจ้าได้มอบไว้แก่ซาตานแล้ว,
เพื่อเขาจะได้รู้สำนึกแล้วจะไม่ได้หลู่เกียรติยศพระเจ้า" (1ติโมเธียว
4.1, 5.8, 6.10, 21)
2ติโมเธียว 2.18
"คนทั้งสองนั้นได้หลงจากความจริงแล้วกล่าวว่า,
การซึ่งจะเป็นขึ้นมาจากตายนั้นผ่านกันมาแล้ว,
เขาจึงได้ทำลายความเชื่อของบางคนเสีย"
เฮ็บราย 6.1-6
"เหตุฉะนั้นให้เราละประถมโอวาทของพระคริสต์ไว้,
และให้เราก้าวหน้าไปถึงความบริบูรณ์
อย่าเอาสิ่งเหล่านี้มาวางเป็นรากอีกเลย
คือการกลับใจเสียใหม่จากการประพฤติที่ตายแล้ว,
และความเชื่อในพระเจ้า, และคำสอนว่าด้วยบัพติศมา,
และการวางมือ, และการเป็นขึ้นมาจากตาย,
และการพิพากษาปรับโทษเป็นนิตย์นั้น ถ้าพระเจ้าจะทรงโปรดอนุญาต เราก็จะกระทำอย่างนี้ได้ เพราะว่าเมื่อเรามาพูดถึงคนเหล่านั้นที่ได้รับความสว่างมาครั้งหนึ่งแล้ว,
และได้ชิมของประทานจากสวรรค์, และได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์,
และได้ชิมถ้อยคำอันดีของพระเจ้า, และฤทธิ์เดชแห่งยุคที่จะมานั้น
ถ้าเขาเหล่านั้นจะหลงอยู่อย่างนี้,
ก็เหลือวิสัยที่จะให้เขากลับใจเสียใหม่อีกได้,
เพราะตัวเขาเองได้ตรึงพระบุตรของพระเจ้าเสียอีกแล้ว,
และได้ทำให้พระองค์ขายหน้าต่อธารคำนัล"
ชี้ให้เห็นว่าบางคนหลงไปไกลมากถึงขั้นกลับไม่ได้และที่สุดถึงความพินาศนิรันดร์
2. สัญญาณที่นำไปสู่การหลงผิด
(1)
ไม่เอาใจใส่ต่อพระคำของพระเจ้าซึ่งเป็นอาหารแห่งชีวิต
คนที่ป่วยทางร่างกายเพียงเล็กน้อยทำให้เบื่ออาหาร
ทำนองเดียวกันผู้ป่วยทางวิญญาณทำให้เบื่อพระคำของพระเจ้า (มัดธาย 4.4)
1เปโตร 2.1-3
"เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงสละทิ้งการชั่วร้าย, การอุบายต่างๆ,
การหน้าซื่อใจคด ใจริษยา และคำพูดส่อเสียดเสียให้หมด ดั่งทารกที่บังเกิดใหม่ ท่านทั้งหลายจงปรารถนาที่จะได้น้ำนมที่สมกับฝ่ายวิญญาณและปราศจากอุบาย เพื่อท่านทั้งหลายจะได้วัฒนาขึ้นไปสู่ความรอดด้วยน้ำนมนั้น
หากว่าท่านได้ชิมดูรู้แล้วว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าประกอบด้วยพระกรุณา"
(เฮ็บราย 5.12-14)
(2)
ไม่มีความปรารถนาแม้สักนิดในการอธิษฐานเพื่อเข้าสนิทกับพระเจ้า มัดธาย
6.6 "ฝ่ายท่านเมื่ออธิษฐานจงเข้าในห้องชั้นใน, และเมื่อปิดประตูแล้ว,
จงอธิษฐานขอจากพระบิดาของท่านผู้อยู่ในที่ลับลี้,
และพระบิดาของท่านผู้อยู่ในที่ลับลี้จะทรงโปรดประทานแก่ท่าน"
(3) มีจิตใจรักโลกและความสนุกสนาน
2ติโมเธียว 3.4 " เป็นคนทรยศ, เป็นคนหัวดื้อ, เป็นคนหัวสูง,
เป็นคนรักการสนุกสนานมากกว่ารักพระเจ้า"
(4) เกียจคร้านหาข้อแก้ตัว
ไม่เอาใจใส่ต่อหน้าที่รับผิดชอบของคริสเตียนและขาดการนมัสการ เฮ็บราย 10.25
"ซึ่งเราเคยประชุมกันนั้นอย่าให้หยุด, เหมือนอย่างบางคนเคยกระทำนั้น.
แต่จงเตือนสติกันและให้มากยิ่งขึ้น
เมื่อท่านทั้งหลายเห็นวันเวลานั้นใกล้เข้ามาแล้ว"
(5) มีแนวโน้มไม่พอใจและชอบหาเหตุจับผิดเลย
มัดธาย 7.1-3 "อย่ากล่าวโทษเขา, เพื่อเขาจะไม่กล่าวโทษท่าน.
เพราะว่าท่านทั้งหลายจะกล่าวโทษเขาอย่างไร,
เขาจะกล่าวโทษท่านอย่างนั้น, และท่านจะตวงให้เขาด้วยทะนานอันใด,
เขาจะตวงให้ท่านด้วยทะนานอันนั้น เหตุไฉนท่านมองดูผงที่ในตาพี่น้องของท่าน,
แต่ไม้ทั้งท่อนที่อยู่ในตาของท่านท่านก็ไม่รู้สึก?"
(6) ลดหย่อนความสนใจต่อความรอดของผู้อื่น
2ติโมเธียว "เขามีสภาพธรรมภายนอก แต่ฤทธิ์ของธรรมนั้นเขาปฏิเสธเสีย
คนอย่างนี้ท่านจงผินหน้าหนีจากเขาเสียด้วย"
3. สาเหตุที่ทำให้หลงผิด
(1) แต่งงานกับคนที่ไม่เชื่อ เช่น กษัตริย์ซะโลโม
นะเฮ็มยา 13.26 "ท่านซะโลโมกษัตริย์พวกยิศราเอลได้หลงผิดโดยเหตุนี้มิใช่หรือ?
แต่ถึงกระนั้นกษัตริย์ในประเทศทั้งปวงที่จะเหมือนท่านก็ไม่มีเลย,
ด้วยพระเจ้าของท่านได้ทรงพระเมตตากรุณาแก่ท่าน,
จึงทรงตั้งให้ท่านเป็นกษัตริย์เหนือบรรดาพวกยิศราเอล
แต่ถึงกระนั้นหญิงชาวต่างประเทศยังได้พาท่านให้หลงกระทำผิด"
คริสเตียนควรแต่งงานกับผู้ที่เป็นคริสเตียน 2โกรินโธ 6.14-15
"อย่าเข้าเทียมแอกด้วยกันกับคนที่ไม่เชื่อ
เพราะว่าความชอบธรรมจะมีหุ้นส่วนอะไรกับความชั่ว?
และความสว่างจะเข้าสนิทกันกับความมืดได้อย่างไร? พระคริสต์กับเบลีอาลจะมีเสียงเข้ากันอย่างไรได้?
หรือคนที่เชื่อจะมีส่วนอะไรกับคนที่ไม่เชื่อ?"
ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่เป็นคริสเตียนควรใช้ข้อความใน 1เปโตร 3.1
"ฝ่ายท่านทั้งหลายที่เป็นภรรยา จงยอมฟังคำสามีของตนเช่นเดียวกัน,
เพื่อว่าถ้าสามีคนใดไม่เชื่อฟังพระคำของพระเจ้า,
กิริยาการประพฤติของภรรยาก็จะได้เป็นที่ชักนำเขามานอกจากพระคำของพระเจ้านั้น"
มาเป็นหลักในการปฏิบัติ
(2) เป็นคนรักเงิน เช่น ยูดา
มัดธาย 26.14-16 "ครั้งนั้นยูดาอิศการิโอด,
เป็นคนหนึ่งในพวกสาวกสิบสองคน, ได้ไปหาพวกปุโรหิตใหญ่ ถามว่า,
“ถ้าข้าพเจ้าจะมอบพระองค์ไว้แก่ท่าน, ท่านทั้งหลายจะให้ข้าพเจ้าเท่าไร?”
ฝ่ายเขาก็ชั่งเงินให้แก่ยูดาสามสิบแผ่น.
ตั้งแต่นั้นมายูดาคอยหาช่องที่จะมอบพระองค์ให้แก่เขา"
ข้อความต่อไปนี้สนับสนุนความจริงเรื่องนี้เป็นอย่างดี 1ติโมเธียว 6.10
"ด้วยว่าการรักเงินทองนั้นก็เป็นรากแห่งความชั่วทุกอย่าง
และบางคนที่ได้โลภเงินทองจึงได้หลงไปจากความเชื่อนั้น,
และความทุกข์เป็นอันมากจึงทิ่มแทงตัวของเขาเองให้ทะลุ" 1โยฮัน
2.15 "อย่ารักโลกหรือสิ่งของในโลก,
ถ้าคนใดรักโลกความรักต่อพระบิดาไม่ได้อยู่ในคนนั้นเลย"
(3) หลงกลับไปทำบาปอีกเหมือนซีโมนชาวซะมาเรีย
กิจการ 8.18-21
"เมื่อซีโมนได้เห็นว่าคนเหล่านั้นได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วยการวางมือของอัครสาวก,
จึงนำเงินมาให้อัครสาวก และว่า, “ขอให้ข้าพเจ้ามีฤทธิ์อย่างนี้ด้วย,
เพื่อว่าเมื่อข้าพเจ้าจะวางมือบนผู้ใด
ผู้นั้นจะได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์” ฝ่ายเปโตรจึงกล่าวแก่ซีโมนว่า,
“ให้เงินของเจ้าฉิบหายไปด้วยกันกับเจ้าเถิด,
เพราะเจ้าคิดว่าจะซื้อของประทานแห่งพระเจ้าด้วยเงินได้ เจ้าไม่มีหุ้นส่วนในการนี้เลย, เพราะใจของเจ้าไม่สัตย์ซื่อฉะเพาะพระพักตรพระเจ้า"
การหลงผิดส่วนมากมักไปทำผิดตามความผิดเดิมมากกว่าเป็นความผิดอย่างอื่น 1โกรินโธ
6.9-11
"ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่าคนอธรรมจะไม่ได้มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า?
อย่าให้เขาล่อลวงท่านให้หลง, คนผิดประเวณี, หรือคนไหว้รูปเคารพ,
หรือผิดตัวเมียเขา, หรือหญิงเล่นเพื่อน, หรือชายเล่นน้องสวาท,
หรือคนขะโมย, หรือคนมักโลภ, หรือคนเมาเหล้า, หรือคนปากร้าย,
หรือคนฉ้อโกง, จะไม่ได้รับส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า แต่ก่อนมีบางคนในพวกท่านเป็นคนอย่างนั้น แต่ได้ทรงชำระท่านทั้งหลายแล้ว, และได้ทรงสรรท่านไว้ฉะเพาะแล้ว,
และพระวิญญาณแห่งพระเจ้าของเราได้ทรงตั้งท่านให้เป็นผู้ชอบธรรม
ในพระนามของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา" เปโตรกล่าวคำหยาบคายเหมือนเดิม
เมื่อเขาปฏิเสธพระเยซู มัดธาย 26.74-75 " เปโตรก็สบถสาบานและว่า,
“ข้าไม่รู้จักคนนั้น” ในบัดเดี๋ยวนั้นไก่ก็ขัน เปโตรก็ระลึกถึงคำที่พระเยซูตรัสไว้แก่เขาว่า,
“ก่อนไก่ขันท่านจะปฏิเสธเราถึงสามครั้ง” แล้วเปโตรออกไปร้องไห้ข้างนอกเป็นทุกข์ยิ่งนัก"
(4) หันกลับไปนับถือนิกายหรือศาสนาอื่น
เช่น ชาวฆะลาเตียและพวกเฮ็บราย (ฆะลาเตีย 5.19-20) หนังสือเฮ็บรายได้เขียนขึ้นเพื่อป้องกันมิให้พวกยิวที่เป็นคริสเตียนหลงผิดกลับไปนับถือลัทธิเดิม
ความกดดันจากญาติและมิตรสหายรุนแรงมาก อาจเป็นเพราะไม่ได้รับคำสั่งสอนที่ดี,
ขาดกำลัง เป็นดุจทารกในความเชื่อ จึงทำให้บางคนหันกลับไปตามศาสนาเดิม
เฮ็บราย 5.13-14 " เพราะว่าทุกคนที่ยังกินนํ้านมอยู่ไม่เป็นคนชำนาญในถ้อยคำแห่งความชอบธรรม,
ด้วยว่าเขายังเป็นทารกอยู่ แต่อาหารแข็งนั้นเป็นอาหารสำหรับผู้ใหญ่,
คือผู้ที่เคยฝึกหัดความคิดของเขาจนสังเกตได้ว่าไหนดีไหนชั่ว"
(5)
มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี อย่างเช่น ซีโมนเปโตร
(ลูกา 22.58) ศึกษา บทเพลงสรรเสริญ 1.1
"ความสุขย่อมมีแก่ผู้ที่ไม่ดำเนินตามคำชักชวนของคนชั่วและไม่ได้ยืนอยู่ในทางของคนกระทำผิด,
หรือนั่งอยู่ในที่นั่งของคนหมิ่นประมาท"
(6) เป็นคนรักโลกเหมือนกับเดมา 2ติโมเธียว
4.10 "เพราะว่าเดมาทิ้งข้าพเจ้าเสียแล้ว, ด้วยเขารักโลกปัจจุบันนี้,
เขาจึงไปเมืองเธซะโลนิเกแล้ว และเกร็ศเกได้ไปยังมณฑลฆะลาเตีย,
และติโตได้ไปยังเมืองดัลมาเตีย"
ข้อความต่อไปนี้แสดงให้เห็นการที่เดมาก้าวถอยหลังทีละเล็กทีละน้อย 1ติโมเธียว
3.8 "ไม่เป็นคนโลภ มักได้เห็นแก่เล็กแก่น้อย"
พระคัมภีร์สอนเรื่องนี้ไว้อย่างมากมาย
1โยฮัน 2.15-17
"อย่ารักโลกหรือสิ่งของในโลก. ถ้าคนใดรักโลก,
ความรักต่อพระบิดาไม่ได้อยู่ในคนนั้นเลย.
เพราะว่าสารพัตรซึ่งมีอยู่ในโลก,
คือความใคร่ของเนื้อหนังและความใคร่ของตา
และการอวดอ้างถือตัวในชาตินี้ไม่ได้เกิดมาจากพระบิดา,
แต่เกิดมาจากโลก. และโลกนี้กับความใคร่ของโลกกำลังผ่านพ้นไป
แต่ผู้ที่ประพฤติตามพระทัยของพระเจ้าคงจะตั้งอยู่เป็นนิตย์"
ยาโกโบ 4.4
"ท่านทั้งหลายผู้ผิดประเวณีชายหญิง, ท่านไม่รู้หรือว่า
การที่เป็นมิตรกับโลก ก็เป็นศัตรูต่อพระเจ้า? เหตุฉะนั้น
ถ้าผู้ใดใคร่เป็นมิตรกับโลก, ผู้นั้นก็ตั้งตัวเป็นศัตรูต่อพระเจ้า"
โรม 12.2 "อย่าประพฤติตามอย่างชาวโลกนี้ แต่ว่าจงเปลี่ยนนิสสัยเสียใหม่,
เพื่อท่านทั้งหลายจะได้สังเกตรู้จักน้ำพระทัยของพระเจ้า ว่าอะไรดี
อะไรเป็นที่ชอบ และอะไรยอดเยี่ยม"
(7) ความเฉยเมยเหมือนกับคริสตจักรละโอดีไกอะ
วิวรณ์ 3.15-17 "เรารู้จักกิจการของพวกเจ้าว่า เจ้าไม่เย็นหรือไม่ร้อน
เราใคร่ให้เจ้าเย็นหรือร้อน. เพราะเหตุเจ้าเป็นแต่อุ่นๆ
ไม่เย็นไม่ร้อน, เราจะคายเจ้าออกจากปากของเรา เพราะเจ้าพูดว่า ‘เราเป็นคนมั่งมี, ได้ทรัพย์สมบัติทวีมากขึ้น,
และไม่ต้องการสิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย’
และเจ้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นคนแร้นแค้นเข็ญใจ, เป็นคนขัดสน,
เป็นคนตาบอด, และเป็นคนเปลือยกายอยู่"
เราไม่ควรคิดว่าเราเจริญขึ้นโดยไม่ต้องการเจริญอีกต่อไป
มักจะมีช่องว่างเพื่อความเจริญก้าวหน้าอย่างมากเสมอ ฟิลิปปอย 3.14 "คือข้าพเจ้ากำลังบากมั่นมุ่งไปกว่าจะถึงธงชัย,
และได้รางวัล ซึ่งพระเจ้าได้ทรงเรียกเราให้ตะเกียกตะกายไปรับโดยพระเยซูคริสต์"
(8) สาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้หลงผิด เช่น
(ก) การถูกข่มเหง
มัดธาย 13.21 "แต่ไม่มีรากในตัวจึงทนอยู่ชั่วคราว,
และเมื่อเกิดการข่มเหงหรือการประทุษร้ายต่างๆ เพราะพระวจนะนั้น,
ในทันใดนั้นก็กะดากกะเดื่องไป"
(ข) การศึกษาสูง
หัวสมัยใหม่ 1โกรินโธ 1.26-27 "ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย.
จงพิจารณาดูคนทั้งหลายในพวกท่านที่พระเจ้าได้ทรงเรียกมาแล้วคือว่า.
คนที่โลกนิยมว่ามีปัญญา, คนมีอำนาจ. คนตระกูลสูงมีน้อยคนนัก
แต่พระเจ้าได้ทรงเลือกสิ่งที่โลกถือว่าโฉดเขลา,
เพื่อจะให้คนมีปัญญาอับอาย
และได้ทรงเลือกสิ่งทีโลกถือว่าอ่อนกำลัง.
เพื่อจะให้คนมีกำลังมากอับอาย" ความบาปที่ซ่อน เช่น ความรักเกียจ,
อิจฉา, เคียดแค้นในใจ, ไม่ยกโทษ, ใจมุ่งร้าย, โกโลซาย 3.8 "แต่บัดนี้
สารพัตรสิ่งเหล่านี้ท่านทั้งหลายจงเปลื้องทิ้งเสียอีกด้วย
คือความโกรธ, ความขัดเคืองกัน, การคิดปองร้าย, การพูดเสียดสี,
คำพูดโลนลามกที่ออกจากปากของท่าน"
(ค) ป่วยบ่อย ๆ
เพราะนิสัยที่ขาดการประชุมกับพี่น้องคริสเตียน (เฮ็บราย 10.25)
(ง) ทำงานวันอาทิตย์
(จ) ย้ายไปที่อื่น ๆ
ที่ไม่มีใครรู้จักไม่สนใจที่จะหาพี่น้องคริสเตียนเพื่อจะร่วมด้วย
(ฉ)
หวังในตนเองหรือในคริสตจักรมากเกินไป
เมื่อไม่พบจึงผิดหวังทำให้ทิ้งความเชื่อได้
4. การป้องกันมิให้เกิดการหลงหาย
(1) คริสตจักรควรทำอย่างไรบ้าง
ไม่ควรทอดทิ้งคริสเตียนใหม่ปล่อยไว้ตามลำพังมิฉะนั้นก็จะตาย
(ก)
จงให้ความสัมพันธ์ใกล้ชิดและร่วมสามัคคีธรรมกับคริสเตียนใหม่เพราะว่ามนุษย์ย่อมต้องการสังคมกับผู้อื่น
เขามักได้รับอิทธิพลจากผู้ใกล้ชิด เพราะฉะนั้นคริสตจักรควรสร้างสังคมที่ดี
(ข) ควรสอนเขา
(2โกรินโธ 6.14) มัดธาย 28.20
"สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัตรซึ่งเราได้สั่งพวกท่านไว้ นี่แหละ,
เราจะอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอไปเป็นนิตย์กว่าจะสิ้นโลก"
ควรจัดชั้นสอนพิเศษสำหรับผู้ที่เป็นคริสเตียนใหม่ คริสเตียนใหม่ควรได้รับคำสอนหลักความเชื่อของคริสตจักรแท้
วางพื้นฐานความเชื่อให้มั่นคง ควรสอนเขาให้รู้ว่าควรดำรงชีวิตคริสเตียนอย่างไร
ตัดสินให้ถูกและสอนเรื่องการแก้ไขปัญหา
โปรดจำไว้ว่ามีหนังสือในพระคัมภีร์ใหม่ 27 เล่ม สอนคริสเตียนเรื่องการดำรงชีวิต
(ค)
ควรมอบกิจกรรมของคริสตจักรให้เขาทำ เฮ็บราย 4.11
"เหตุฉะนั้นให้เราทั้งหลายอุสส่าห์เข้าในที่สงบสุขนั้น,
เพื่อมิให้ผู้หนึ่งผู้ใดตกหลงไปในการไม่เชื่อฟังเช่นเขาเหล่านั้นซึ่งเป็นตัวอย่าง"
ทารกในพระคริสต์ควรทำบางสิ่งบางอย่างในคริสตจักรเพื่อเขาจะเจริญขึ้น
(ง) ผู้ปกครอง,
นักเทศน์ หรือผู้นำของคริสตจักร ควรเอาใจใส่ใกล้ชิดกับสมาชิกใหม่ เฮ็บราย
13.17
"ท่านทั้งหลายจงเชื่อฟังและยอมอยู่ในโอวาทของคนเหล่านั้นที่ปกครองท่าน
ด้วยว่าท่านเหล่านั้นคอยระวังดูจิตต์วิญญาณของท่าน,
เหมือนกับผู้ที่จะต้องรายงาน เพื่อเขาจะได้ทำการนี้ด้วยความชื่นใจ,
ไม่ใช่ด้วยความเศร้าใจ
เพราะว่าที่ทำดังนั้นก็จะไม่เป็นประโยชน์อะไรแก่ท่านทั้งหลาย"
เป็นที่สังเกตว่าผู้นำของคริสตจักรมักใช้เวลาส่วนใหญ่ในการรักษาผู้ที่หลงหายมากกว่าที่จะใช้เวลากับทารกในพระคริสต์
เป็นการดีที่ผู้นำของคริสตจักรและคริสเตียนทั้งหลายจะเอาใจใส่ต่อผู้ที่เป็นคริสเตียนใหม่และผู้อ่อนแอ
(2) คริสเตียนควรช่วยตนเองอย่างไรบ้าง?
(ก) หมั่นตรวจตราดูตนเอง 1โกรินโธ
11.28 "จงให้ทุกคนพินิจดูใจของตนเสียก่อน,
แล้วจึงกินขนมปังนี้และดื่มจากจอกนี้" 2โกรินโธ 13.5
"ท่านทั้งหลายจงพิจารณาดูตัวของท่านเองว่าท่านตั้งอยู่ในความเชื่อหรือไม่
จงชันสูตรดูตัวของท่านเองเถิด. ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่า
พระเยซูคริสต์สถิตอยู่ในท่านทั้งหลาย?
เว้นไว้ท่านจะทานการชันสูตรไม่ได้" 1โกรินโธ 10.12
"เหตุฉะนั้นคนที่คิดว่าตัวมั่นคงดีอยู่แล้วจงระวังให้ดี,
กลัวว่าจะหลงผิดไป" (เฮ็บราย 3.12)
นักธุรกิจก็ต้องปฏิบัติเช่นเดียวกัน ไม่เช่นนั้นจะเกิดการขาดทุน
(ข) จงสัตย์ซื่อในการไปร่วมประชุมนมัสการ
เฮ็บราย 10.25 "ซึ่งเราเคยประชุมกันนั้นอย่าให้หยุด,
เหมือนอย่างบางคนเคยกระทำนั้น แต่จงเตือนสติกันและให้มากยิ่งขึ้น
เมื่อท่านทั้งหลายเห็นวันเวลานั้นใกล้เข้ามาแล้ว" (ยาโกโบ 4.17)
พิธีระลึกจะช่วยให้เราสนิทกับองค์พระผู้เป็นเจ้า
ทำให้เรารับกำลังฝ่ายวิญญาณจิต
ถ้าเราไม่เอาใจใส่หรือขาดการประชุมทำให้เราป่วยและอ่อนแอ 1โกรินโธ 11.30
"เหตุฉะนั้นในพวกท่านจึงมีหลายคนอ่อนกำลังและป่วยอยู่,
และที่ล่วงหลับไปแล้วก็มีมาก"
สัญญาณของผู้ที่กำลังจะถอยหลังมักกล่าวแก้ตัวว่าที่ประชุมอยู่ไกลเกินไปหรือเวลาการประชุมยาวเกินไป
เฉื่อยช้าในเรื่องการไปร่วมประชุม
ขาดการประชุมสักครั้งโดยไม่แจ้งให้คริสตจักรทราบ
นับว่ากำลังเข้าสู่หนทางที่ผิด
(ค) จงเพิ่มคุณสมบัติที่ดี 2เปโตร
1.5-7 "อันที่จริงเพราะเหตุนั้นเอง
ท่านจงอุสส่าห์จนสุดกำลังที่จะเอาความเชื่อเพิ่มด้วยความดี,
เอาความดีเพิ่มด้วยความรู้,
เอาความรู้เพิ่มด้วยความเหนี่ยวรั้งตน,
เอาความเหนี่ยวรั้งตนเพิ่มด้วยขันตี, และเอาขันตีเพิ่มด้วยธรรม,
เอาธรรมเพิ่มด้วยความรักระหว่างพวกพี่น้อง,
และเอาความรักระหว่างพวกพี่น้องเพิ่มด้วยความรักระหว่างคนทั่วไป"
ศึกษา ฆะลาเตีย 5.22-23 "ฝ่ายผลของพระวิญญาณนั้นคือความรัก, ความยินดี,
สันติสุข, ความอดกลั้นไว้นาน, ความปราณี, ความดี, ความสัตย์ซื่อ,
ความอ่อนสุภาพ, การรู้จักบังคับตน, การเช่นนั้นไม่มีพระบัญญัติห้ามเลย"
(ง) จงคุยกับพระเจ้าบ้างทุกวัน 1เธซะโลนิเก
5.17 "จงอธิษฐานเสมออย่าเว้น" โกโลซาย 4.2 "จงสนใจอธิษฐานอยู่เสมอ
คือเฝ้าระวังอยู่ในการนั้นด้วยขอบพระคุณ" ลูกา 18.1
"พระองค์ตรัสคำเปรียบขอหนึ่งให้เขาฟังเพื่อสอนว่าคนทั้งหลายควรจะอธิษฐานอยู่เสมอ
ไม่อ่อนระอาใจ" การถอยหลังเริ่มต้นจากการละเลยในการอธิษฐาน
เริ่มต้นจากการใช้เวลากับพระเจ้า โปรดคุกเข่าบ่อย ๆ
การอธิษฐานช่วยป้องก้นมิให้ทำบาป
(จ) ให้พระเจ้าคุยกับท่านบ้างทุกวัน
ยาโกโบ 4.8 "ท่านทั้งหลายจงเข้ามาใกล้พระเจ้า,
และพระองค์จะสถิตอยู่ใกล้ท่าน. คนบาปทั้งหลาย, จงชำระมือของตนเสีย
และคนสองใจ จงกระทำใจของตนให้บริสุทธิ์" บทเพลงสรรเสิรญ 1.2
"ความยินดีของผู้นั้นอยู่ในพระบัญญัติของพระยะโฮวา;
และเขาคิดรำพึงอยู่ในพระธรรมของพระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืน"
ควรอ่านพระคัมภีร์ทุกวัน ทุกครอบครัวควรมีการนมัสการที่บ้านเป็นประจำ
(ฉ) จงทำการเพื่อพระเจ้าทุกวัน ติโต
3.8 "และข้าพเจ้าปรารถนาให้ท่านเน้นข้อความเหล่านี้.
เพื่อคนทั้งหลายที่เชื่อในพระเจ้าแล้วจะได้อุสส่าห์กระทำการดี การเหล่านี้เป็นการดีและมีประโยชน์แก่คนทั้งหลาย"
เราทำได้โดยการทำการดีแก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน มัดธาย 20.26
"แต่ในพวกท่านหาเป็นอย่างนั้นไม่
ถ้าผู้ใดใคร่จะได้เป็นใหญ่ก็ให้ผู้นั้นเป็นผู้ปรนนิบัติท่านทั้งหลาย"
โปรดอ่าน ฆะลาเตีย 6.10 "เหตุฉะนั้น, ตามที่เรามีโอกาสอยู่,
ให้เรากระทำการดีแก่คนทั้งปวง,
และที่สำคัญนั้นจงกระทำแก่ครอบครัวของความเชื่อ"
ชายคนหนึ่งขอให้คัดชื่อของเขาออกจากการเป็นสมาชิก
นักเทศน์ขอให้เขานำเอาอาหารไปให้ครอบครัวที่มีความต้องการ
ชายคนนั้นได้ปฏิบัติตาม เมื่อกลับมาแล้วเขาขอให้รักษาชื่อของเขาไว้คงเดิม
เขากล่าวว่าเขารู้สึกมีความสุขเมื่อมีโอกาสได้ช่วยเหลือผู้อื่น
(ช) ให้พระเจ้าทำการในชีวิตของท่านทุกวัน
(1โกรินโธ 15.58) กิจการ 14.27
"และได้เล่าให้เขาฟังถึงเหตุการณ์ทั้งปวง
ซึ่งพระเจ้าได้ทรงโปรดให้ท่านกระทำนั้น,
กับซึ่งพระองค์ได้ทรงเปิดประตูให้คนต่างประเทศเชื่อ"
พระเจ้าพร้อมที่จะอวยพรให้เราและใช้เรา
(ซ) หลีกเลี่ยงความชั่ว 1เธซะโลนิเก
5.21-22 "จงชันสูตรทุกสิ่งสิ่งที่ดีนั้นจงถือไว้ให้มั่น. อะไรๆ
ที่ชั่วก็จงเว้นเสีย" ผู้ที่เคยเป็นนักดื่มสุราเมื่อกลับใจเป็นคริสเตียนก็ไม่ควรคุยว่าตนเองมีกำลังเอาชนะได้
และก็ไม่ควรวนเวียนไปใกล้ ๆ ตามร้าน ถ้าทำเช่นนั้นอาจพ่ายแพ้ต่อการทดลองได้
จงหนีไปให้ไกล
5. สถานะและชะตากรรมของผู้หลงหาย
(1) 2เปโตร 2.20-22
"ด้วยว่าถ้าแม้เมื่อเขาพ้นจากความชั่วของโลกนี้แล้ว
โดยที่ได้รู้จักพระเยซูคริสต์เจ้าผู้ช่วยให้รอด
เขายังคิดกังวลและยอมแพ้แก่การชั่วนั้นอีก,
เบื้องปลายของเขาก็ชั่วร้ายยิ่งกว่าเบื้องต้น เพราะว่าถ้าเขาไม่ได้รู้จักทางชอบธรรมนั้นเสียเลย
ก็ยังจะดีกว่าที่เขาได้รู้แล้วๆ
กลับหลังหันให้พระบัญญัติอันบริสุทธิ์ที่ได้ทรงโปรดประทานให้เขานั้น.
เหตุก็เกิดขึ้นแก่เขาตามคำสุภาษิตอันจริงนั้นที่ว่า,
สุนัขได้กลับกินซึ่งมันได้สำรอกออกมาแล้ว,
และสุกรที่ชำระล้างตัวแล้วก็กลับลุยลงนอนในปลักอีก" เปโตรได้ชี้แจงให้เราทราบว่า
(ก) กำไรที่รับ คือ
ความรู้ฝ่ายพระเยซูคริสต์
(ข)
การสูญเสียยิ่งใหญ่ คือ ยอมเป็นทาสความชั่วอีก
(ค) คำสาปแช่ง คือ
เบื้องปลายร้ายกว่าเบื้องต้น เหตุที่เบื้องปลายร้ายกว่าเบื้องต้น
เพราะว่าผู้หลงหายเป็นทาสของความบาปขึ้นทั้ง ๆ ที่รู้สถานะของคนเช่นนี้
เบื้องปลายร้ายมากและสิ้นหวัง
(2) เฮ็บราย 10.28-29
"ฝ่ายคนที่ได้ประมาทต่อพระบัญญัติของโมเซ, ถ้ามีพะยานสองสามปาก,
ก็จะถึงตายปราศจากความเมตตา
ส่วนคนที่เหยียดหยามพระบุตรของพระเจ้า,
และถือว่าพระโลหิตแห่งคำสัญญาไมตรี
ซึ่งเป็นที่ชำระตัวให้บริสุทธิ์นั้นเป็นมลทิน,
และประมาทต่อพระวิญญาณผู้ประกอบด้วยพระคุณ ท่านทั้งหลายคิดเห็นว่าคนเหล่านั้นควรจะถูกปรับโทษมากยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด?"
ผู้หลงหายจะรับโทษทัณฑ์มากกว่าผู้เหล่านั้นที่อยู่ภายใต้คำสัญญาเดิม
(3) บทเพลงสรรเสริญ 9.17
"คนชั่วต้องกลับไปยังเมืองผี, คือบรรดาชนชาติที่ละลืมพระเจ้า"
(2เธซะโลนิเก 1.8-9) พลไพร่ที่หลงลืมพระเจ้าจะถูกทิ้งในนรก
(4) มัดธาย 13.41-42
"บุตรมนุษย์จะใช้ทูตของท่านออกไปเก็บกวาดทุกสิ่งที่ทำให้หลงผิด
และบรรดาผู้ทกระทำชั่วไปจากแผ่นดินของท่าน,
และจะทิ้งลงในเตาไฟ ที่นั่นแหละจะเป็นที่ร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน"
ผู้หลงหายในอาณาจักรจะถูกทิ้งลงในบึงไฟ
6. กฎการอภัยโทษสำหรับผู้หลงหาย
พระเจ้าประกอบด้วยความรัก ความเมตตา
และพร้อมเสมอที่จะให้อภัย นะเฮ็มยา 9.17
"ทั้งได้ประพฤติเป็นคนใจดื้อดึงไม่อ่อนน้อม,
มิได้ระลึกถึงการอัศจรรย์อิทธิฤทธิ์ที่พระองค์ได้ทรงกระทำในท่ามกลางเขา;
และในคราวกบฏนั้นเขาได้ทำใจคอแข็ง,
ตั้งคนหนึ่งขึ้นเป็นนายนำกลับไปสู่ทางที่เป็นทาสนั้นอีก:
แต่พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าประกอบด้วยความเมตตากรุณา, ทรงอดกลั้นพระทัยไว้โดยพระมหากรุณาอันใหญ่ยิ่ง,
ยังทรงโปรดยกโทษ หาได้ละทิ้งเขาไม่" ยะซายา 55.7
"และคนอธรรมละทิ้งความคิดของตน, และให้เขากลับมาหาพระยะโฮวา,
เพื่อพระองค์จะได้ทรงเมตตาแก่เขา, และให้เขากลับมาหาพระเจ้า,
เพราะพระองค์จะทรงให้อภัยแก่เขาที่เขาทำบาปทั้งปวง" (ลูกา
15.11-32)
แต่พระองค์จะยกโทษให้แก่ผู้หลงหายก็ต่อเมื่อผู้หลงหายปฏิบัติตามเงื่อนไข คือ
(1) จะต้องกลับใจเสียใหม่ กิจการ 8.22
"เหตุฉะนั้นจงกลับใจเสียใหม่จากการบาปอันนี้ของเจ้า,
และอธิษฐานขอพระเจ้า,
ชะรอยพระองค์จะทรงโปรดยกความผิดซึ่งเจ้าได้คิดในใจของเจ้า"
(บทเพลงสรรเสริญ 51.16, 17, 38.18) 2โกรินโธ 7.9 "แต่บัดนี้ข้าพเจ้ามีความยินดี,
มิใช่เพราะท่านได้รับความเสียใจ,
แต่เพราะที่ท่านได้รับความเสียใจนั้นจึงเป็นเหตุให้ท่านทั้งหลายกลับใจเสียใหม่
เพราะว่าท่านทั้งหลายได้รับความเสียใจอย่างที่ชอบพระทัยพระเจ้า,
เพื่อท่านจะไม่ได้ผลร้ายสิ่งใดจากเราเลย" (วิวรณ์ 2.5)
(2) หันกลับ ลูกา 15.18-20
(3) ล้มเลิกทางเก่า 1โยฮัน 1.8-10
"ถ้าเราทั้งหลายจะว่าเราไม่มีบาป, เราก็ล่อลวงตนเอง,
และความจริงไม่ได้อยู่ในเราเลย ถ้าเราสารภาพความผิดของเรา,
พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม, ก็จะทรงโปรดยกบาปโทษของเรา,
และจะทรงชำระเราให้พ้นจากอธรรมทั้งสิ้น ถ้าเราว่าเราไม่ได้กระทำผิด,
ก็เท่ากับเราทำให้พระองค์เป็นผู้ตรัสมุสา,
และพระโอวาทของพระองค์มิได้อยู่ในเราทั้งหลายเลย"
(4) ขอร้อง ยาโกโบ 5.16
"เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงสารภาพรับผิดต่อกันและกัน,
และจงอธิษฐานเพื่อกันและกัน, เพื่อท่านทั้งหลายจะได้หายโรค
คำอธิษฐานด้วยใจร้อนรนแห่งผู้ชอบธรรมก็มีอำนาจมาก
ซึ่งจะนำให้เกิดผล"
(5) ปรับปรุง วิวรณ์ 2.4-5
"แต่เรามีข้อที่จะต่อว่าเจ้าบ้าง,
ด้วยว่าเจ้าสลัดความรักดั้งเดิมของเจ้า.
เหตุฉะนั้นจงระลึกถึงสิ่งที่เจ้าพลาดแล้วนั้น,
และกลับใจเสียใหม่ประพฤติตามอย่างเดิม ถ้ามิฉะนั้นเราจะรีบมาหาเจ้า
และจะยกคันประทีปของเจ้าออกจากที่,
เว้นไว้แต่เจ้าจะกลับใจเสียใหม่" (บทเพลงสรรเสริญ 51.13)
สรุป 1) ผู้หลงหายทำให้หลายฝ่ายต้องสูญเสีย
ก) หมู่บ้านสูญเสียอิทธิพลของคริสเตียน
ข) คริสตจักรสูญเสียสมาชิก
ค) บุคคลนั้นสูญเสียจิตวิญญาณ
ง) สวรรค์สูญเสียพลเมือง
จ) พี่น้องสูญเสียพี่น้องไปอีกคน
ฉ) พระเจ้าทรงเศร้าพระทัย ซาตานชอบใจ
2)
ขอให้เราดำเนินตามฮะโนค เพราะฮะโนคดำเนินกับพระเจ้า
แล้วพระเจ้าทรงรับเขาไป (เยเนซิศ 5.21-24, 1โกรินโธ 5.58)
ตอบคำถาม คลิกที่นี่ https://docs.google.com/forms/d/1TlXrCp64nTW99ODjC9cLmXs9dcuZFdSFn1AtksXdu1o/viewform