จงระวังให้ดีเกรงว่าจะหลงผิดไป
    อัครสาวกเปาโลสอนว่า  
"เหตุฉะนั้นคนที่คิดว่าตัวมั่นคงดีอยู่แล้วจงระวังให้ดี กลัวว่าจะหลงผิดไป" 1โกรินโธ 
10.12  บนเส้นทางไปสู่สวรรค์  เราพบว่าบางคนสะดุดล้มลงในความเชื่อ  
บางทีก็ประสบกับการทดลองจึงทิ้งความเชื่อ  
พระคัมภีร์กล่าวถึงผู้ที่หันกลับไปตามทางชีวิตแบบชาวโลกหลายแห่ง  อัครสาวกเปาโลเตือนสติว่า 
เขากำลังบากบั่นมุ่งไปกว่าจะถึงธงชัย  ฟิลิปปอย 3.14 "คือข้าพเจ้ากำลังบากมั่นมุ่งไปกว่าจะถึงธงชัย, 
และได้รางวัล ซึ่งพระเจ้าได้ทรงเรียกเราให้ตะเกียกตะกายไปรับโดยพระเยซูคริสต์"  
ในฆะลาเตีย 5.4 "ท่านทั้งหลายที่ปรารถนาจะได้ความชอบธรรมโดยพระบัญญัติ 
ก็ขาดจากพระคริสต์, และได้ทำให้พระคุณหลุดหายไปเสียแล้ว"  
พูดถึงผู้ที่หลงหายจากพระคุณของพระคริสต์  ในเฮ็บราย 2.1-2 
"เหตุฉะนั้นควรเราจะเอาใจใส่ในข้อความเหล่านั้นซึ่งเราได้ยินมากขึ้น, 
เกรงว่าเราจะบังเอิญลอยผ่านข้อความเหล่านั้นไป  ด้วยว่า 
ถ้าถ้อยคำซึ่งทูตสวรรค์ได้กล่าวไว้นั้นมีหลักฐานจริง, 
และการล่วงเกินกับการไม่เชื่อฟังทุกอย่างย่อมรับผลกรรมตามความยุตติธรรม"  
พระคัมภีร์กล่าวถึงผู้ที่ไม่เอาใจใส่ต่อความจริงจะกลายเป็นคนที่ลอยผ่านความจริงไป   
ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า "Drifting"  
หมายความว่าห่างเหินจากความจริงทีละเล็กทีละน้อย  ในมัดธาย 24.12 
"เพราะความชั่วทวีขึ้น, ความรักของคนเป็นอันมากจะเยือกเย็นลง"  
ใช้ประโยคว่า "ความรักเยือกเย็นลง"  ในวิวรณ์ 2.4 
"แต่เรามีข้อที่จะต่อว่าเจ้าบ้าง, ด้วยว่าเจ้าสลัดความรักดั้งเดิมของเจ้า"  
กล่าวว่า "สลัดความรักดั้งเดิม"  การหลุดจากพระคุณของพระเจ้า  
มักจะไม่เกิดขึ้นทันที  
แต่จะค่อยเป็นค่อยไปทีละน้อยจนเมื่อถึงขั้นสุดท้ายจะถอยกลับก็รู้สึกว่ายากเสียแล้ว  
ตัวอย่างการถอยหลังของอัครสาวกเปโตร ในมัดธาย 26.75 "เปโตรก็ระลึกถึงคำที่พระเยซูตรัสไว้แก่เขาว่า, 
“ก่อนไก่ขันท่านจะปฏิเสธเราถึงสามครั้ง” แล้วเปโตรออกไปร้องไห้ข้างนอกเป็นทุกข์ยิ่งนัก"  
และเดมา ใน 2ติโมเธียว 4.10 "เพราะว่าเดมาทิ้งข้าพเจ้าเสียแล้ว, 
ด้วยเขารักโลกปัจจุบันนี้, เขาจึงไปเมืองเธซะโลนิเกแล้ว และเกร็ศเกได้ไปยังมณฑลฆะลาเตีย, 
และติโตได้ไปยังเมืองดัลมาเตีย"  และเรื่องของบุตรน้อย ในลูกา 
15.11-32  เรื่องราวที่ยกมาเป็นตัวอย่างให้เห็นการถอยหลังทีละเล็กทีละน้อย  
โปรดระลึกถึงเรื่องของโลตที่ตั้งทับอาศัยของตนหันหน้าไปทางเมืองซะโดม  
จนครอบครัวต้องได้รับความวิบัตินั้น  
เป็นการคืบคลานเข้าไปสู่ความหายนะทีละเล็กทีละน้อยกว่าจะรู้ตัวก็สายไปแล้ว
1. การหลงผิดเป็นไปได้แม้ถึงขั้นที่กลับใจไม่ได้  
นั้นหมายความว่าเขาจะพินาศชั่วนิรันดร์
    (1) ข้อความต่อไปนี้แสดงให้เห็นว่า 
บางคนอาจจะหลงผิดไป  เฮ็บราย 4.11 
"เหตุฉะนั้นเราทั้งหลายอุตส่าห์เข้าในที่สงบสุขนั้น  
เพื่อมิให้ผู้หนึ่งผู้ใดตกหลงไปในการไม่เชื่อฟังเช่นเขาเหล่านั้นซึ่งเป็นตัวอย่าง"  
(เฮ็บราย 3.12,  1โกรินโธ 9.27, 10.12)   ฆะลาเตีย 4.9  
"แต่บัดนี้ครั้นท่านทั้งหลายรู้จักพระเจ้าแล้ว. หรือพูดให้ถูกกว่า 
ก็ว่าพระเจ้าทรงรู้จักท่านทั้งหลาย, 
เป็นไฉนท่านจึงจะกลับไปหาโลกธรรมอันอ่อนแอและอนาถา, 
และอยากเป็นทาสสิ่งเหล่านั้นอีก?"
    2เปโตร 2.14-15 
"ตาเขาเต็มไปด้วยความปรารถนาแห่งการล่วงประเวณี, 
และเขาหยุดกระทำบาปไม่ได้เลย เขาวางกับดักคนที่มีจิตต์โลเล 
เขามีใจชินคับการโลภ เขาเป็นลูกแห่งความแช่งสาป  
เขาได้สละทิ้งทางตรง, ได้หลงทางไป, ได้ทำตามอย่างบีละอามบุตรบะโอระ, 
ที่ได้ชอบบำเหน็จแห่งการอธรรม"  (2เปโตร 2.20-22, 1.10-11, 3.7)
    1ติโมเธียว 1.19-20 "ยึดความเชื่อไว้, 
และมีใจวินิจฉัยผิดและชอบอันดี. 
สิ่งเหล่านั้นบางคนได้ละทิ้งเสียแล้ว, 
จึงเสียความเชื่อนั้นเหมือนเรืออับปาง  ในคนเหล่านั้นมีฮุเมนายและอาเล็กซันดะโร 
ซึ่งข้าพเจ้าได้มอบไว้แก่ซาตานแล้ว, 
เพื่อเขาจะได้รู้สำนึกแล้วจะไม่ได้หลู่เกียรติยศพระเจ้า"  (1ติโมเธียว 
4.1, 5.8, 6.10, 21)
    2ติโมเธียว 2.18 
"คนทั้งสองนั้นได้หลงจากความจริงแล้วกล่าวว่า, 
การซึ่งจะเป็นขึ้นมาจากตายนั้นผ่านกันมาแล้ว, 
เขาจึงได้ทำลายความเชื่อของบางคนเสีย"
    เฮ็บราย 6.1-6  
"เหตุฉะนั้นให้เราละประถมโอวาทของพระคริสต์ไว้, 
และให้เราก้าวหน้าไปถึงความบริบูรณ์ 
อย่าเอาสิ่งเหล่านี้มาวางเป็นรากอีกเลย 
คือการกลับใจเสียใหม่จากการประพฤติที่ตายแล้ว, 
และความเชื่อในพระเจ้า,  และคำสอนว่าด้วยบัพติศมา, 
และการวางมือ, และการเป็นขึ้นมาจากตาย, 
และการพิพากษาปรับโทษเป็นนิตย์นั้น  ถ้าพระเจ้าจะทรงโปรดอนุญาต เราก็จะกระทำอย่างนี้ได้   เพราะว่าเมื่อเรามาพูดถึงคนเหล่านั้นที่ได้รับความสว่างมาครั้งหนึ่งแล้ว, 
และได้ชิมของประทานจากสวรรค์, และได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์,  
และได้ชิมถ้อยคำอันดีของพระเจ้า, และฤทธิ์เดชแห่งยุคที่จะมานั้น  
ถ้าเขาเหล่านั้นจะหลงอยู่อย่างนี้, 
ก็เหลือวิสัยที่จะให้เขากลับใจเสียใหม่อีกได้, 
เพราะตัวเขาเองได้ตรึงพระบุตรของพระเจ้าเสียอีกแล้ว, 
และได้ทำให้พระองค์ขายหน้าต่อธารคำนัล"  
ชี้ให้เห็นว่าบางคนหลงไปไกลมากถึงขั้นกลับไม่ได้และที่สุดถึงความพินาศนิรันดร์
2. สัญญาณที่นำไปสู่การหลงผิด
    (1) 
ไม่เอาใจใส่ต่อพระคำของพระเจ้าซึ่งเป็นอาหารแห่งชีวิต  
คนที่ป่วยทางร่างกายเพียงเล็กน้อยทำให้เบื่ออาหาร  
ทำนองเดียวกันผู้ป่วยทางวิญญาณทำให้เบื่อพระคำของพระเจ้า  (มัดธาย 4.4)
    1เปโตร 2.1-3 
"เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงสละทิ้งการชั่วร้าย, การอุบายต่างๆ, 
การหน้าซื่อใจคด ใจริษยา และคำพูดส่อเสียดเสียให้หมด   ดั่งทารกที่บังเกิดใหม่ ท่านทั้งหลายจงปรารถนาที่จะได้น้ำนมที่สมกับฝ่ายวิญญาณและปราศจากอุบาย เพื่อท่านทั้งหลายจะได้วัฒนาขึ้นไปสู่ความรอดด้วยน้ำนมนั้น  
หากว่าท่านได้ชิมดูรู้แล้วว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าประกอบด้วยพระกรุณา"  
(เฮ็บราย 5.12-14)
    (2) 
ไม่มีความปรารถนาแม้สักนิดในการอธิษฐานเพื่อเข้าสนิทกับพระเจ้า   มัดธาย 
6.6 "ฝ่ายท่านเมื่ออธิษฐานจงเข้าในห้องชั้นใน, และเมื่อปิดประตูแล้ว, 
จงอธิษฐานขอจากพระบิดาของท่านผู้อยู่ในที่ลับลี้, 
และพระบิดาของท่านผู้อยู่ในที่ลับลี้จะทรงโปรดประทานแก่ท่าน"
    (3) มีจิตใจรักโลกและความสนุกสนาน  
2ติโมเธียว 3.4 " เป็นคนทรยศ, เป็นคนหัวดื้อ, เป็นคนหัวสูง, 
เป็นคนรักการสนุกสนานมากกว่ารักพระเจ้า"
    (4) เกียจคร้านหาข้อแก้ตัว 
ไม่เอาใจใส่ต่อหน้าที่รับผิดชอบของคริสเตียนและขาดการนมัสการ  เฮ็บราย 10.25 
"ซึ่งเราเคยประชุมกันนั้นอย่าให้หยุด, เหมือนอย่างบางคนเคยกระทำนั้น. 
แต่จงเตือนสติกันและให้มากยิ่งขึ้น 
เมื่อท่านทั้งหลายเห็นวันเวลานั้นใกล้เข้ามาแล้ว"
    (5) มีแนวโน้มไม่พอใจและชอบหาเหตุจับผิดเลย  
มัดธาย 7.1-3 "อย่ากล่าวโทษเขา, เพื่อเขาจะไม่กล่าวโทษท่าน.  
เพราะว่าท่านทั้งหลายจะกล่าวโทษเขาอย่างไร, 
เขาจะกล่าวโทษท่านอย่างนั้น, และท่านจะตวงให้เขาด้วยทะนานอันใด, 
เขาจะตวงให้ท่านด้วยทะนานอันนั้น   เหตุไฉนท่านมองดูผงที่ในตาพี่น้องของท่าน, 
แต่ไม้ทั้งท่อนที่อยู่ในตาของท่านท่านก็ไม่รู้สึก?"
    (6) ลดหย่อนความสนใจต่อความรอดของผู้อื่น  
2ติโมเธียว "เขามีสภาพธรรมภายนอก  แต่ฤทธิ์ของธรรมนั้นเขาปฏิเสธเสีย  
คนอย่างนี้ท่านจงผินหน้าหนีจากเขาเสียด้วย"
3. สาเหตุที่ทำให้หลงผิด
    (1) แต่งงานกับคนที่ไม่เชื่อ เช่น กษัตริย์ซะโลโม  
นะเฮ็มยา 13.26 "ท่านซะโลโมกษัตริย์พวกยิศราเอลได้หลงผิดโดยเหตุนี้มิใช่หรือ? 
แต่ถึงกระนั้นกษัตริย์ในประเทศทั้งปวงที่จะเหมือนท่านก็ไม่มีเลย, 
ด้วยพระเจ้าของท่านได้ทรงพระเมตตากรุณาแก่ท่าน, 
จึงทรงตั้งให้ท่านเป็นกษัตริย์เหนือบรรดาพวกยิศราเอล 
แต่ถึงกระนั้นหญิงชาวต่างประเทศยังได้พาท่านให้หลงกระทำผิด"  
คริสเตียนควรแต่งงานกับผู้ที่เป็นคริสเตียน  2โกรินโธ 6.14-15 
"อย่าเข้าเทียมแอกด้วยกันกับคนที่ไม่เชื่อ 
เพราะว่าความชอบธรรมจะมีหุ้นส่วนอะไรกับความชั่ว? 
และความสว่างจะเข้าสนิทกันกับความมืดได้อย่างไร?  พระคริสต์กับเบลีอาลจะมีเสียงเข้ากันอย่างไรได้? 
หรือคนที่เชื่อจะมีส่วนอะไรกับคนที่ไม่เชื่อ?"  
ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่เป็นคริสเตียนควรใช้ข้อความใน  1เปโตร 3.1 
"ฝ่ายท่านทั้งหลายที่เป็นภรรยา จงยอมฟังคำสามีของตนเช่นเดียวกัน, 
เพื่อว่าถ้าสามีคนใดไม่เชื่อฟังพระคำของพระเจ้า, 
กิริยาการประพฤติของภรรยาก็จะได้เป็นที่ชักนำเขามานอกจากพระคำของพระเจ้านั้น"  
มาเป็นหลักในการปฏิบัติ
    (2) เป็นคนรักเงิน  เช่น ยูดา  
มัดธาย 26.14-16 "ครั้งนั้นยูดาอิศการิโอด, 
เป็นคนหนึ่งในพวกสาวกสิบสองคน, ได้ไปหาพวกปุโรหิตใหญ่  ถามว่า, 
“ถ้าข้าพเจ้าจะมอบพระองค์ไว้แก่ท่าน, ท่านทั้งหลายจะให้ข้าพเจ้าเท่าไร?” 
ฝ่ายเขาก็ชั่งเงินให้แก่ยูดาสามสิบแผ่น.  
ตั้งแต่นั้นมายูดาคอยหาช่องที่จะมอบพระองค์ให้แก่เขา"  
ข้อความต่อไปนี้สนับสนุนความจริงเรื่องนี้เป็นอย่างดี  1ติโมเธียว 6.10 
"ด้วยว่าการรักเงินทองนั้นก็เป็นรากแห่งความชั่วทุกอย่าง 
และบางคนที่ได้โลภเงินทองจึงได้หลงไปจากความเชื่อนั้น, 
และความทุกข์เป็นอันมากจึงทิ่มแทงตัวของเขาเองให้ทะลุ"  1โยฮัน 
2.15 "อย่ารักโลกหรือสิ่งของในโลก,  
ถ้าคนใดรักโลกความรักต่อพระบิดาไม่ได้อยู่ในคนนั้นเลย"
    (3) หลงกลับไปทำบาปอีกเหมือนซีโมนชาวซะมาเรีย  
กิจการ 8.18-21 
"เมื่อซีโมนได้เห็นว่าคนเหล่านั้นได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วยการวางมือของอัครสาวก, 
จึงนำเงินมาให้อัครสาวก  และว่า, “ขอให้ข้าพเจ้ามีฤทธิ์อย่างนี้ด้วย, 
เพื่อว่าเมื่อข้าพเจ้าจะวางมือบนผู้ใด 
ผู้นั้นจะได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์”  ฝ่ายเปโตรจึงกล่าวแก่ซีโมนว่า, 
“ให้เงินของเจ้าฉิบหายไปด้วยกันกับเจ้าเถิด, 
เพราะเจ้าคิดว่าจะซื้อของประทานแห่งพระเจ้าด้วยเงินได้   เจ้าไม่มีหุ้นส่วนในการนี้เลย, เพราะใจของเจ้าไม่สัตย์ซื่อฉะเพาะพระพักตรพระเจ้า"  
การหลงผิดส่วนมากมักไปทำผิดตามความผิดเดิมมากกว่าเป็นความผิดอย่างอื่น  1โกรินโธ 
6.9-11 
"ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่าคนอธรรมจะไม่ได้มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า? 
อย่าให้เขาล่อลวงท่านให้หลง, คนผิดประเวณี, หรือคนไหว้รูปเคารพ, 
หรือผิดตัวเมียเขา, หรือหญิงเล่นเพื่อน, หรือชายเล่นน้องสวาท,  
หรือคนขะโมย, หรือคนมักโลภ, หรือคนเมาเหล้า, หรือคนปากร้าย, 
หรือคนฉ้อโกง, จะไม่ได้รับส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า   แต่ก่อนมีบางคนในพวกท่านเป็นคนอย่างนั้น แต่ได้ทรงชำระท่านทั้งหลายแล้ว, และได้ทรงสรรท่านไว้ฉะเพาะแล้ว, 
และพระวิญญาณแห่งพระเจ้าของเราได้ทรงตั้งท่านให้เป็นผู้ชอบธรรม 
ในพระนามของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา"  เปโตรกล่าวคำหยาบคายเหมือนเดิม  
เมื่อเขาปฏิเสธพระเยซู  มัดธาย 26.74-75 " เปโตรก็สบถสาบานและว่า, 
“ข้าไม่รู้จักคนนั้น” ในบัดเดี๋ยวนั้นไก่ก็ขัน  เปโตรก็ระลึกถึงคำที่พระเยซูตรัสไว้แก่เขาว่า, 
“ก่อนไก่ขันท่านจะปฏิเสธเราถึงสามครั้ง” แล้วเปโตรออกไปร้องไห้ข้างนอกเป็นทุกข์ยิ่งนัก"
    (4) หันกลับไปนับถือนิกายหรือศาสนาอื่น  
เช่น ชาวฆะลาเตียและพวกเฮ็บราย  (ฆะลาเตีย 5.19-20)  หนังสือเฮ็บรายได้เขียนขึ้นเพื่อป้องกันมิให้พวกยิวที่เป็นคริสเตียนหลงผิดกลับไปนับถือลัทธิเดิม  
ความกดดันจากญาติและมิตรสหายรุนแรงมาก  อาจเป็นเพราะไม่ได้รับคำสั่งสอนที่ดี,  
ขาดกำลัง  เป็นดุจทารกในความเชื่อ  จึงทำให้บางคนหันกลับไปตามศาสนาเดิม  
เฮ็บราย 5.13-14 " เพราะว่าทุกคนที่ยังกินนํ้านมอยู่ไม่เป็นคนชำนาญในถ้อยคำแห่งความชอบธรรม, 
ด้วยว่าเขายังเป็นทารกอยู่  แต่อาหารแข็งนั้นเป็นอาหารสำหรับผู้ใหญ่, 
คือผู้ที่เคยฝึกหัดความคิดของเขาจนสังเกตได้ว่าไหนดีไหนชั่ว"
    (5) 
มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี  อย่างเช่น  ซีโมนเปโตร  
(ลูกา 22.58)  ศึกษา บทเพลงสรรเสริญ 1.1 
"ความสุขย่อมมีแก่ผู้ที่ไม่ดำเนินตามคำชักชวนของคนชั่วและไม่ได้ยืนอยู่ในทางของคนกระทำผิด, 
หรือนั่งอยู่ในที่นั่งของคนหมิ่นประมาท"
    (6) เป็นคนรักโลกเหมือนกับเดมา  2ติโมเธียว 
4.10 "เพราะว่าเดมาทิ้งข้าพเจ้าเสียแล้ว, ด้วยเขารักโลกปัจจุบันนี้, 
เขาจึงไปเมืองเธซะโลนิเกแล้ว และเกร็ศเกได้ไปยังมณฑลฆะลาเตีย, 
และติโตได้ไปยังเมืองดัลมาเตีย"  
ข้อความต่อไปนี้แสดงให้เห็นการที่เดมาก้าวถอยหลังทีละเล็กทีละน้อย  1ติโมเธียว 
3.8 "ไม่เป็นคนโลภ มักได้เห็นแก่เล็กแก่น้อย"  
พระคัมภีร์สอนเรื่องนี้ไว้อย่างมากมาย
    1โยฮัน 2.15-17 
"อย่ารักโลกหรือสิ่งของในโลก. ถ้าคนใดรักโลก, 
ความรักต่อพระบิดาไม่ได้อยู่ในคนนั้นเลย.  
เพราะว่าสารพัตรซึ่งมีอยู่ในโลก, 
คือความใคร่ของเนื้อหนังและความใคร่ของตา 
และการอวดอ้างถือตัวในชาตินี้ไม่ได้เกิดมาจากพระบิดา, 
แต่เกิดมาจากโลก.  และโลกนี้กับความใคร่ของโลกกำลังผ่านพ้นไป 
แต่ผู้ที่ประพฤติตามพระทัยของพระเจ้าคงจะตั้งอยู่เป็นนิตย์"
    ยาโกโบ 4.4 
"ท่านทั้งหลายผู้ผิดประเวณีชายหญิง, ท่านไม่รู้หรือว่า 
การที่เป็นมิตรกับโลก ก็เป็นศัตรูต่อพระเจ้า? เหตุฉะนั้น 
ถ้าผู้ใดใคร่เป็นมิตรกับโลก, ผู้นั้นก็ตั้งตัวเป็นศัตรูต่อพระเจ้า"  
โรม 12.2 "อย่าประพฤติตามอย่างชาวโลกนี้ แต่ว่าจงเปลี่ยนนิสสัยเสียใหม่, 
เพื่อท่านทั้งหลายจะได้สังเกตรู้จักน้ำพระทัยของพระเจ้า ว่าอะไรดี 
อะไรเป็นที่ชอบ และอะไรยอดเยี่ยม"
    (7) ความเฉยเมยเหมือนกับคริสตจักรละโอดีไกอะ 
วิวรณ์ 3.15-17 "เรารู้จักกิจการของพวกเจ้าว่า เจ้าไม่เย็นหรือไม่ร้อน 
เราใคร่ให้เจ้าเย็นหรือร้อน.  เพราะเหตุเจ้าเป็นแต่อุ่นๆ 
ไม่เย็นไม่ร้อน, เราจะคายเจ้าออกจากปากของเรา   เพราะเจ้าพูดว่า ‘เราเป็นคนมั่งมี, ได้ทรัพย์สมบัติทวีมากขึ้น, 
และไม่ต้องการสิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย’ 
และเจ้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นคนแร้นแค้นเข็ญใจ, เป็นคนขัดสน, 
เป็นคนตาบอด, และเป็นคนเปลือยกายอยู่"  
เราไม่ควรคิดว่าเราเจริญขึ้นโดยไม่ต้องการเจริญอีกต่อไป  
มักจะมีช่องว่างเพื่อความเจริญก้าวหน้าอย่างมากเสมอ  ฟิลิปปอย 3.14 "คือข้าพเจ้ากำลังบากมั่นมุ่งไปกว่าจะถึงธงชัย, 
และได้รางวัล ซึ่งพระเจ้าได้ทรงเรียกเราให้ตะเกียกตะกายไปรับโดยพระเยซูคริสต์"
    (8) สาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้หลงผิด เช่น 
        (ก) การถูกข่มเหง  
มัดธาย 13.21 "แต่ไม่มีรากในตัวจึงทนอยู่ชั่วคราว, 
และเมื่อเกิดการข่มเหงหรือการประทุษร้ายต่างๆ เพราะพระวจนะนั้น, 
ในทันใดนั้นก็กะดากกะเดื่องไป"  
        (ข) การศึกษาสูง 
หัวสมัยใหม่  1โกรินโธ 1.26-27 "ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย. 
จงพิจารณาดูคนทั้งหลายในพวกท่านที่พระเจ้าได้ทรงเรียกมาแล้วคือว่า. 
คนที่โลกนิยมว่ามีปัญญา, คนมีอำนาจ. คนตระกูลสูงมีน้อยคนนัก  
แต่พระเจ้าได้ทรงเลือกสิ่งที่โลกถือว่าโฉดเขลา, 
เพื่อจะให้คนมีปัญญาอับอาย 
และได้ทรงเลือกสิ่งทีโลกถือว่าอ่อนกำลัง. 
เพื่อจะให้คนมีกำลังมากอับอาย"  ความบาปที่ซ่อน เช่น ความรักเกียจ, 
อิจฉา,  เคียดแค้นในใจ, ไม่ยกโทษ, ใจมุ่งร้าย,  โกโลซาย 3.8 "แต่บัดนี้ 
สารพัตรสิ่งเหล่านี้ท่านทั้งหลายจงเปลื้องทิ้งเสียอีกด้วย 
คือความโกรธ, ความขัดเคืองกัน, การคิดปองร้าย, การพูดเสียดสี, 
คำพูดโลนลามกที่ออกจากปากของท่าน"
        (ค) ป่วยบ่อย ๆ 
เพราะนิสัยที่ขาดการประชุมกับพี่น้องคริสเตียน  (เฮ็บราย 10.25)
        (ง) ทำงานวันอาทิตย์
        (จ) ย้ายไปที่อื่น ๆ 
ที่ไม่มีใครรู้จักไม่สนใจที่จะหาพี่น้องคริสเตียนเพื่อจะร่วมด้วย
        (ฉ) 
หวังในตนเองหรือในคริสตจักรมากเกินไป  
เมื่อไม่พบจึงผิดหวังทำให้ทิ้งความเชื่อได้
4. การป้องกันมิให้เกิดการหลงหาย
    (1) คริสตจักรควรทำอย่างไรบ้าง  
ไม่ควรทอดทิ้งคริสเตียนใหม่ปล่อยไว้ตามลำพังมิฉะนั้นก็จะตาย
        (ก) 
จงให้ความสัมพันธ์ใกล้ชิดและร่วมสามัคคีธรรมกับคริสเตียนใหม่เพราะว่ามนุษย์ย่อมต้องการสังคมกับผู้อื่น  
เขามักได้รับอิทธิพลจากผู้ใกล้ชิด  เพราะฉะนั้นคริสตจักรควรสร้างสังคมที่ดี
        (ข) ควรสอนเขา 
(2โกรินโธ 6.14)  มัดธาย 28.20 
"สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัตรซึ่งเราได้สั่งพวกท่านไว้ นี่แหละ, 
เราจะอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอไปเป็นนิตย์กว่าจะสิ้นโลก"  
ควรจัดชั้นสอนพิเศษสำหรับผู้ที่เป็นคริสเตียนใหม่  คริสเตียนใหม่ควรได้รับคำสอนหลักความเชื่อของคริสตจักรแท้  
วางพื้นฐานความเชื่อให้มั่นคง  ควรสอนเขาให้รู้ว่าควรดำรงชีวิตคริสเตียนอย่างไร  
ตัดสินให้ถูกและสอนเรื่องการแก้ไขปัญหา  
โปรดจำไว้ว่ามีหนังสือในพระคัมภีร์ใหม่ 27 เล่ม สอนคริสเตียนเรื่องการดำรงชีวิต
        (ค) 
ควรมอบกิจกรรมของคริสตจักรให้เขาทำ  เฮ็บราย 4.11 
"เหตุฉะนั้นให้เราทั้งหลายอุสส่าห์เข้าในที่สงบสุขนั้น, 
เพื่อมิให้ผู้หนึ่งผู้ใดตกหลงไปในการไม่เชื่อฟังเช่นเขาเหล่านั้นซึ่งเป็นตัวอย่าง"  
ทารกในพระคริสต์ควรทำบางสิ่งบางอย่างในคริสตจักรเพื่อเขาจะเจริญขึ้น
        (ง) ผู้ปกครอง, 
นักเทศน์ หรือผู้นำของคริสตจักร  ควรเอาใจใส่ใกล้ชิดกับสมาชิกใหม่  เฮ็บราย 
13.17 
"ท่านทั้งหลายจงเชื่อฟังและยอมอยู่ในโอวาทของคนเหล่านั้นที่ปกครองท่าน 
ด้วยว่าท่านเหล่านั้นคอยระวังดูจิตต์วิญญาณของท่าน, 
เหมือนกับผู้ที่จะต้องรายงาน เพื่อเขาจะได้ทำการนี้ด้วยความชื่นใจ, 
ไม่ใช่ด้วยความเศร้าใจ 
เพราะว่าที่ทำดังนั้นก็จะไม่เป็นประโยชน์อะไรแก่ท่านทั้งหลาย"
    
เป็นที่สังเกตว่าผู้นำของคริสตจักรมักใช้เวลาส่วนใหญ่ในการรักษาผู้ที่หลงหายมากกว่าที่จะใช้เวลากับทารกในพระคริสต์  
เป็นการดีที่ผู้นำของคริสตจักรและคริสเตียนทั้งหลายจะเอาใจใส่ต่อผู้ที่เป็นคริสเตียนใหม่และผู้อ่อนแอ
    (2) คริสเตียนควรช่วยตนเองอย่างไรบ้าง?
    (ก) หมั่นตรวจตราดูตนเอง  1โกรินโธ 
11.28 "จงให้ทุกคนพินิจดูใจของตนเสียก่อน, 
แล้วจึงกินขนมปังนี้และดื่มจากจอกนี้"  2โกรินโธ 13.5 
"ท่านทั้งหลายจงพิจารณาดูตัวของท่านเองว่าท่านตั้งอยู่ในความเชื่อหรือไม่ 
จงชันสูตรดูตัวของท่านเองเถิด. ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่า 
พระเยซูคริสต์สถิตอยู่ในท่านทั้งหลาย? 
เว้นไว้ท่านจะทานการชันสูตรไม่ได้"  1โกรินโธ 10.12 
"เหตุฉะนั้นคนที่คิดว่าตัวมั่นคงดีอยู่แล้วจงระวังให้ดี, 
กลัวว่าจะหลงผิดไป"  (เฮ็บราย 3.12)  
นักธุรกิจก็ต้องปฏิบัติเช่นเดียวกัน  ไม่เช่นนั้นจะเกิดการขาดทุน
    (ข) จงสัตย์ซื่อในการไปร่วมประชุมนมัสการ   
เฮ็บราย 10.25 "ซึ่งเราเคยประชุมกันนั้นอย่าให้หยุด, 
เหมือนอย่างบางคนเคยกระทำนั้น แต่จงเตือนสติกันและให้มากยิ่งขึ้น 
เมื่อท่านทั้งหลายเห็นวันเวลานั้นใกล้เข้ามาแล้ว"  (ยาโกโบ 4.17)  
พิธีระลึกจะช่วยให้เราสนิทกับองค์พระผู้เป็นเจ้า  
ทำให้เรารับกำลังฝ่ายวิญญาณจิต  
ถ้าเราไม่เอาใจใส่หรือขาดการประชุมทำให้เราป่วยและอ่อนแอ  1โกรินโธ 11.30 
"เหตุฉะนั้นในพวกท่านจึงมีหลายคนอ่อนกำลังและป่วยอยู่, 
และที่ล่วงหลับไปแล้วก็มีมาก"  
สัญญาณของผู้ที่กำลังจะถอยหลังมักกล่าวแก้ตัวว่าที่ประชุมอยู่ไกลเกินไปหรือเวลาการประชุมยาวเกินไป  
เฉื่อยช้าในเรื่องการไปร่วมประชุม  
ขาดการประชุมสักครั้งโดยไม่แจ้งให้คริสตจักรทราบ  
นับว่ากำลังเข้าสู่หนทางที่ผิด
    (ค) จงเพิ่มคุณสมบัติที่ดี  2เปโตร 
1.5-7 "อันที่จริงเพราะเหตุนั้นเอง 
ท่านจงอุสส่าห์จนสุดกำลังที่จะเอาความเชื่อเพิ่มด้วยความดี, 
เอาความดีเพิ่มด้วยความรู้,  
เอาความรู้เพิ่มด้วยความเหนี่ยวรั้งตน, 
เอาความเหนี่ยวรั้งตนเพิ่มด้วยขันตี, และเอาขันตีเพิ่มด้วยธรรม,  
เอาธรรมเพิ่มด้วยความรักระหว่างพวกพี่น้อง, 
และเอาความรักระหว่างพวกพี่น้องเพิ่มด้วยความรักระหว่างคนทั่วไป"  
ศึกษา ฆะลาเตีย 5.22-23 "ฝ่ายผลของพระวิญญาณนั้นคือความรัก, ความยินดี, 
สันติสุข, ความอดกลั้นไว้นาน, ความปราณี, ความดี, ความสัตย์ซื่อ,  
ความอ่อนสุภาพ, การรู้จักบังคับตน, การเช่นนั้นไม่มีพระบัญญัติห้ามเลย"
    (ง) จงคุยกับพระเจ้าบ้างทุกวัน  1เธซะโลนิเก 
5.17 "จงอธิษฐานเสมออย่าเว้น"  โกโลซาย 4.2 "จงสนใจอธิษฐานอยู่เสมอ  
คือเฝ้าระวังอยู่ในการนั้นด้วยขอบพระคุณ"  ลูกา 18.1 
"พระองค์ตรัสคำเปรียบขอหนึ่งให้เขาฟังเพื่อสอนว่าคนทั้งหลายควรจะอธิษฐานอยู่เสมอ 
ไม่อ่อนระอาใจ"  การถอยหลังเริ่มต้นจากการละเลยในการอธิษฐาน  
เริ่มต้นจากการใช้เวลากับพระเจ้า  โปรดคุกเข่าบ่อย ๆ 
การอธิษฐานช่วยป้องก้นมิให้ทำบาป
    (จ) ให้พระเจ้าคุยกับท่านบ้างทุกวัน  
ยาโกโบ 4.8 "ท่านทั้งหลายจงเข้ามาใกล้พระเจ้า, 
และพระองค์จะสถิตอยู่ใกล้ท่าน. คนบาปทั้งหลาย, จงชำระมือของตนเสีย 
และคนสองใจ จงกระทำใจของตนให้บริสุทธิ์"  บทเพลงสรรเสิรญ 1.2 
"ความยินดีของผู้นั้นอยู่ในพระบัญญัติของพระยะโฮวา; 
และเขาคิดรำพึงอยู่ในพระธรรมของพระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืน"  
ควรอ่านพระคัมภีร์ทุกวัน  ทุกครอบครัวควรมีการนมัสการที่บ้านเป็นประจำ
    (ฉ) จงทำการเพื่อพระเจ้าทุกวัน  ติโต 
3.8 "และข้าพเจ้าปรารถนาให้ท่านเน้นข้อความเหล่านี้. 
เพื่อคนทั้งหลายที่เชื่อในพระเจ้าแล้วจะได้อุสส่าห์กระทำการดี การเหล่านี้เป็นการดีและมีประโยชน์แก่คนทั้งหลาย"  
เราทำได้โดยการทำการดีแก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน  มัดธาย 20.26 
"แต่ในพวกท่านหาเป็นอย่างนั้นไม่  
ถ้าผู้ใดใคร่จะได้เป็นใหญ่ก็ให้ผู้นั้นเป็นผู้ปรนนิบัติท่านทั้งหลาย"  
โปรดอ่าน ฆะลาเตีย 6.10 "เหตุฉะนั้น, ตามที่เรามีโอกาสอยู่, 
ให้เรากระทำการดีแก่คนทั้งปวง, 
และที่สำคัญนั้นจงกระทำแก่ครอบครัวของความเชื่อ"  
ชายคนหนึ่งขอให้คัดชื่อของเขาออกจากการเป็นสมาชิก  
นักเทศน์ขอให้เขานำเอาอาหารไปให้ครอบครัวที่มีความต้องการ  
ชายคนนั้นได้ปฏิบัติตาม  เมื่อกลับมาแล้วเขาขอให้รักษาชื่อของเขาไว้คงเดิม  
เขากล่าวว่าเขารู้สึกมีความสุขเมื่อมีโอกาสได้ช่วยเหลือผู้อื่น
    (ช) ให้พระเจ้าทำการในชีวิตของท่านทุกวัน  
(1โกรินโธ 15.58)  กิจการ 14.27 
"และได้เล่าให้เขาฟังถึงเหตุการณ์ทั้งปวง 
ซึ่งพระเจ้าได้ทรงโปรดให้ท่านกระทำนั้น, 
กับซึ่งพระองค์ได้ทรงเปิดประตูให้คนต่างประเทศเชื่อ"  
พระเจ้าพร้อมที่จะอวยพรให้เราและใช้เรา
    (ซ) หลีกเลี่ยงความชั่ว  1เธซะโลนิเก 
5.21-22 "จงชันสูตรทุกสิ่งสิ่งที่ดีนั้นจงถือไว้ให้มั่น.  อะไรๆ 
ที่ชั่วก็จงเว้นเสีย"  ผู้ที่เคยเป็นนักดื่มสุราเมื่อกลับใจเป็นคริสเตียนก็ไม่ควรคุยว่าตนเองมีกำลังเอาชนะได้  
และก็ไม่ควรวนเวียนไปใกล้ ๆ ตามร้าน  ถ้าทำเช่นนั้นอาจพ่ายแพ้ต่อการทดลองได้ 
จงหนีไปให้ไกล
5. สถานะและชะตากรรมของผู้หลงหาย
    (1) 2เปโตร 2.20-22 
"ด้วยว่าถ้าแม้เมื่อเขาพ้นจากความชั่วของโลกนี้แล้ว 
โดยที่ได้รู้จักพระเยซูคริสต์เจ้าผู้ช่วยให้รอด 
เขายังคิดกังวลและยอมแพ้แก่การชั่วนั้นอีก, 
เบื้องปลายของเขาก็ชั่วร้ายยิ่งกว่าเบื้องต้น   เพราะว่าถ้าเขาไม่ได้รู้จักทางชอบธรรมนั้นเสียเลย 
ก็ยังจะดีกว่าที่เขาได้รู้แล้วๆ 
กลับหลังหันให้พระบัญญัติอันบริสุทธิ์ที่ได้ทรงโปรดประทานให้เขานั้น.  
เหตุก็เกิดขึ้นแก่เขาตามคำสุภาษิตอันจริงนั้นที่ว่า, 
สุนัขได้กลับกินซึ่งมันได้สำรอกออกมาแล้ว, 
และสุกรที่ชำระล้างตัวแล้วก็กลับลุยลงนอนในปลักอีก"  เปโตรได้ชี้แจงให้เราทราบว่า
        (ก) กำไรที่รับ คือ 
ความรู้ฝ่ายพระเยซูคริสต์
        (ข) 
การสูญเสียยิ่งใหญ่ คือ ยอมเป็นทาสความชั่วอีก
        (ค) คำสาปแช่ง คือ 
เบื้องปลายร้ายกว่าเบื้องต้น  เหตุที่เบื้องปลายร้ายกว่าเบื้องต้น 
เพราะว่าผู้หลงหายเป็นทาสของความบาปขึ้นทั้ง ๆ ที่รู้สถานะของคนเช่นนี้  
เบื้องปลายร้ายมากและสิ้นหวัง
    (2) เฮ็บราย 10.28-29 
"ฝ่ายคนที่ได้ประมาทต่อพระบัญญัติของโมเซ, ถ้ามีพะยานสองสามปาก, 
ก็จะถึงตายปราศจากความเมตตา  
ส่วนคนที่เหยียดหยามพระบุตรของพระเจ้า, 
และถือว่าพระโลหิตแห่งคำสัญญาไมตรี 
ซึ่งเป็นที่ชำระตัวให้บริสุทธิ์นั้นเป็นมลทิน, 
และประมาทต่อพระวิญญาณผู้ประกอบด้วยพระคุณ ท่านทั้งหลายคิดเห็นว่าคนเหล่านั้นควรจะถูกปรับโทษมากยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด?"  
ผู้หลงหายจะรับโทษทัณฑ์มากกว่าผู้เหล่านั้นที่อยู่ภายใต้คำสัญญาเดิม
    (3) บทเพลงสรรเสริญ 9.17 
"คนชั่วต้องกลับไปยังเมืองผี, คือบรรดาชนชาติที่ละลืมพระเจ้า"  
(2เธซะโลนิเก 1.8-9)  พลไพร่ที่หลงลืมพระเจ้าจะถูกทิ้งในนรก
    (4) มัดธาย 13.41-42  
"บุตรมนุษย์จะใช้ทูตของท่านออกไปเก็บกวาดทุกสิ่งที่ทำให้หลงผิด 
และบรรดาผู้ทกระทำชั่วไปจากแผ่นดินของท่าน,  
และจะทิ้งลงในเตาไฟ ที่นั่นแหละจะเป็นที่ร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน"  
ผู้หลงหายในอาณาจักรจะถูกทิ้งลงในบึงไฟ
6. กฎการอภัยโทษสำหรับผู้หลงหาย
    พระเจ้าประกอบด้วยความรัก ความเมตตา 
และพร้อมเสมอที่จะให้อภัย  นะเฮ็มยา 9.17 
"ทั้งได้ประพฤติเป็นคนใจดื้อดึงไม่อ่อนน้อม, 
มิได้ระลึกถึงการอัศจรรย์อิทธิฤทธิ์ที่พระองค์ได้ทรงกระทำในท่ามกลางเขา; 
และในคราวกบฏนั้นเขาได้ทำใจคอแข็ง, 
ตั้งคนหนึ่งขึ้นเป็นนายนำกลับไปสู่ทางที่เป็นทาสนั้นอีก: 
แต่พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าประกอบด้วยความเมตตากรุณา, ทรงอดกลั้นพระทัยไว้โดยพระมหากรุณาอันใหญ่ยิ่ง, 
ยังทรงโปรดยกโทษ หาได้ละทิ้งเขาไม่"  ยะซายา 55.7 
"และคนอธรรมละทิ้งความคิดของตน, และให้เขากลับมาหาพระยะโฮวา, 
เพื่อพระองค์จะได้ทรงเมตตาแก่เขา, และให้เขากลับมาหาพระเจ้า, 
เพราะพระองค์จะทรงให้อภัยแก่เขาที่เขาทำบาปทั้งปวง"  (ลูกา 
15.11-32)  
แต่พระองค์จะยกโทษให้แก่ผู้หลงหายก็ต่อเมื่อผู้หลงหายปฏิบัติตามเงื่อนไข คือ
    (1) จะต้องกลับใจเสียใหม่  กิจการ 8.22 
"เหตุฉะนั้นจงกลับใจเสียใหม่จากการบาปอันนี้ของเจ้า, 
และอธิษฐานขอพระเจ้า, 
ชะรอยพระองค์จะทรงโปรดยกความผิดซึ่งเจ้าได้คิดในใจของเจ้า"  
(บทเพลงสรรเสริญ 51.16, 17, 38.18)  2โกรินโธ 7.9 "แต่บัดนี้ข้าพเจ้ามีความยินดี, 
มิใช่เพราะท่านได้รับความเสียใจ, 
แต่เพราะที่ท่านได้รับความเสียใจนั้นจึงเป็นเหตุให้ท่านทั้งหลายกลับใจเสียใหม่ 
เพราะว่าท่านทั้งหลายได้รับความเสียใจอย่างที่ชอบพระทัยพระเจ้า, 
เพื่อท่านจะไม่ได้ผลร้ายสิ่งใดจากเราเลย"  (วิวรณ์ 2.5)
    (2) หันกลับ  ลูกา 15.18-20
    (3) ล้มเลิกทางเก่า  1โยฮัน 1.8-10 
"ถ้าเราทั้งหลายจะว่าเราไม่มีบาป, เราก็ล่อลวงตนเอง, 
และความจริงไม่ได้อยู่ในเราเลย  ถ้าเราสารภาพความผิดของเรา, 
พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม, ก็จะทรงโปรดยกบาปโทษของเรา, 
และจะทรงชำระเราให้พ้นจากอธรรมทั้งสิ้น ถ้าเราว่าเราไม่ได้กระทำผิด, 
ก็เท่ากับเราทำให้พระองค์เป็นผู้ตรัสมุสา, 
และพระโอวาทของพระองค์มิได้อยู่ในเราทั้งหลายเลย"
    (4) ขอร้อง  ยาโกโบ 5.16 
"เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงสารภาพรับผิดต่อกันและกัน, 
และจงอธิษฐานเพื่อกันและกัน, เพื่อท่านทั้งหลายจะได้หายโรค 
คำอธิษฐานด้วยใจร้อนรนแห่งผู้ชอบธรรมก็มีอำนาจมาก 
ซึ่งจะนำให้เกิดผล"
    (5) ปรับปรุง  วิวรณ์ 2.4-5 
"แต่เรามีข้อที่จะต่อว่าเจ้าบ้าง, 
ด้วยว่าเจ้าสลัดความรักดั้งเดิมของเจ้า.  
เหตุฉะนั้นจงระลึกถึงสิ่งที่เจ้าพลาดแล้วนั้น, 
และกลับใจเสียใหม่ประพฤติตามอย่างเดิม ถ้ามิฉะนั้นเราจะรีบมาหาเจ้า 
และจะยกคันประทีปของเจ้าออกจากที่, 
เว้นไว้แต่เจ้าจะกลับใจเสียใหม่"  (บทเพลงสรรเสริญ 51.13)
สรุป    1) ผู้หลงหายทำให้หลายฝ่ายต้องสูญเสีย
            
ก) หมู่บ้านสูญเสียอิทธิพลของคริสเตียน
            
ข) คริสตจักรสูญเสียสมาชิก
            
ค) บุคคลนั้นสูญเสียจิตวิญญาณ
            
ง) สวรรค์สูญเสียพลเมือง
            
จ) พี่น้องสูญเสียพี่น้องไปอีกคน
            
ฉ) พระเจ้าทรงเศร้าพระทัย ซาตานชอบใจ
        2) 
ขอให้เราดำเนินตามฮะโนค  เพราะฮะโนคดำเนินกับพระเจ้า  
แล้วพระเจ้าทรงรับเขาไป (เยเนซิศ 5.21-24,  1โกรินโธ 5.58)
ตอบคำถาม คลิกที่นี่  https://docs.google.com/forms/d/1TlXrCp64nTW99ODjC9cLmXs9dcuZFdSFn1AtksXdu1o/viewform 
