บทที่5

 จงรักษาใจของท่านจนสุดความเพียรและจงสลัดทิ้งสิ่งที่ติดเป็นนิสัย

1. ใช้ความคิดที่สร้างตัวเอง
    1. ใช้ความคิดของเราสร้างตัวเรา  (สุภาษิต 4.23)  จงรักษาใจของเจ้าไว้ด้วยสุดความเพียรพยายาม  เพราะผลการแห่งกจิต่าง ๆ ในชีวิตก็เกิดมาจากจิตต์ใจ  สิ่งที่เราคิดเราจะแสดงออกมาอย่างนั้น
    2. ชีวิตข้างในกับชีวิตข้างนอกสัมพันธ์กันเสมอ (ลูกา 6.45ป ความคิดจากข้างในสร้างสรรค์โลกภายนอก  อะไรที่เป็นบ่อน้ำพุในส่วนลึกของใจของเราก็จะไหลออกมาเป็นกระป๋องของวาจาและการประพฤติ  พระยูได้สอนไว้ในพระคัมภีร์
    3. เพราะความคิดสร้างเรา  เราควรสนใจเป็นพิเศษ  จิตใจภายใน (1เปโตร 3.3-6)  การประดับกายของภรรยานั้นอย่าให้เป็นอย่างภายนอก  คือถักผลเกล้ามวย  และใส่ปักเครื่องทองคำ  และนุ่งห่มเสื้อผ้าสวยงามแต่จงให้เป็นอย่างที่ซ่อนไว้ในใจ  เป็นเครื่องประดับซึ่งไม่รู้เปื่อยไป  คือจิตใจอ่อนสุภาพและสงบเสงี่ยม  ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่ามากจำเพาะพระเนตรพระเจ้า  ด้วยว่าพวกผู้หญิงบริสุทธิ์ครั้งโบราณนั้นที่ได้ไว้ใจในพระเจ้าก็ย่อมได้แต่งกายและน้อมฟังสามีของตนเองอย่างนี้แหละ เช่นอย่างนางซาราได้น้อมฟังอับราฮาม เรียกท่านว่านาย  ถ้าท่านทั้งหลายได้ประพฤติดีและไม่มีความสะดุ้งกลัวประการใด ท่านก็เป็นบุตรีของนางนั้น
    4. ความคิดของเราตัดสินชะตากรรมของเรา (ฆะลาเตีย 6.7-9)  อย่าหลงเลย จะหลอกพระเจ้าเล่นไม่ได้  เพราะว่าคนใดหว่านพืชอย่างใดลง  ก็จะเกี่ยวเก็บผลอนิจจังจากเนื้อหนังนั้น  แต่ผู้ใดที่หว่านสำหรับพระวิญญาณ จะเกี่ยวเก็บชีวิตนิรันดร์จากพระวิญญาณนั้น  อย่าให้เราเลื่อยล้าในการกระทำดี เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อถอยเลื่อยล้า  เราจะเกี่ยวเก็บผลในเวลาอันควร

2. ควรเน้นกริยาท่าที
    กริยาท่าทีของท่านที่มีต่อพระเจ้า  ต่อคริสตจักร  ต่อพี่น้อง  ต่อครอบครัวของท่าน ฯลฯ
    1. เป็นที่สังเกตว่า พระเจ้าเน้นให้เห็นความบาปที่แสดงกริยาท่าทีในทางจิตในหนังสือ โรม 1.29-31  มีรายการคนบาป 23 รายการ  ในจำนวนนั้นเป็นรายการความบาปที่เกี่ยวกับกริยาท่าทีในทางจิต  และในฆะลาเตีย 5.19-21  มีรายการความบาป 17 ประการ  มีความบาปที่แสดงกริยาท่าทีทางจิตหลายอย่างด้วยกัน ใน 1โกรินโธ 13.4-8  ก็เป็นในเรื่องกริยาท่าทีเช่นเดียวกัน
    2. ความบาปของท่าทีของจิตกับเรื่องราวของบุตรน้อย ในลูกา 15.11-32  แท้จริงแล้วเป็นเรื่องของบุตรที่หลงทางสองคน  คนหนึ่งหลงไปแสนไกล  อีกคนหนึ่งหลงที่บ้านของตนเอง  คนแรกพลัดพรากไปจากความรักของพ่อแม่ด้วยความบาปของความใคร่  คนที่สองหลงไปด้วยความบาปกริยาท่าทีทางใจ  บุตรสองคนที่หลงหายคนหนึ่งกินอาหารแห่งไฟราคะ อีกคนกินอาหารบูด  ด้วยความเปรี้ยว บูดเบี้ยว และขมขื่นด้วยความอิจฉา  อันเป็นท่าทีแสดงออกจากใจ  บุตรคนโตในเรื่องนี้เปรียบเหมือนคนหน้าซื่อใจคด เป็นเช่น พวกฟาริซาย และพวกฟาริซายยังมีชีวิตอยู่ ยังไม่สิ้นซาก
    3. ความบาปเกี่ยวกับกริยาท่าทีในทางจิตไม่ค่อยพิจารณากันอย่างแท้จริง  ความบาปของตัณหาเป็นความมืดทำให้พระคุณของพระเจ้ามัวหมองไป  แต่ความบาปจำพวกอิจฉา, โกรธ, หยิ่ง, ตัดสินรวดเร็ว ฯลฯ คนมักไม่ถือเป็นความบาปใหญ่ยิ่งนัก  เรามักใช้คำพูดเสียใหม่ว่า เป็นข้อบกพร่องหรือความอ่อนแอ  หรือเครื่องหมายของการขาดความเป็นผู้ใหญ่  แต่โปรดสังเกตดูว่าพระเยซูตำหนิเรื่องความบาปซึ่งเกี่ยวกับกริยาท่าทีทางจิต (มัดธาย 23.27-28)

3. สีสรรแห่งความคิด ท่านระบายไว้อย่างไร?
    เรื่องระบายสีแห่งความคิดนี้สำคัญมากต่อชีวิตของเรา  ความเปรอะเปื้อนเลอะเทอะที่เราระบายเอาไว้มันจะเป็นรอยคราบติดชีวิตของเรา  สีแห่งความคิดของท่านคืออะไร?
    1. ท่านคิดเป็นสีดำไหม?  ความคิดที่ดำมืดเป็นความคิดที่ท้อถอย, สิ้นหวัง, ยอมแพ้, ความคิดอะไร ๆ ดูเหมือนไม่ถูกไปหมด  ความคิดไม่มีใครน่าไว้ใจเลย และสรุปว่าทุกคนมีบำเหน็จของเขาแล้ว
    2. ท่านคิดเป็นสีแดงไหม?  ความคิดที่แดงเป็นความคิดของความเกลียด, โกรธ, อิจฉา, ผูกพยาบาท ฯลฯ  (1เปโตร 2.1,  ฆะลาเตีย 5.19-21,  1โกรินโธ 3.1-3,  เอเฟโซ 4.26,  โกโลซาย 3.8)
    3. ท่านคิดเป็นสีเหลืองไหม?  ความคิดสีเหลืองเป็นความคิดที่ขลาด  สีเหลืองเป็นความคิดที่นำให้ชีวิตฝ่ายวิญญาณจิตอ่อนแอ  เราควรเป็นคนแข็งแรงและกล้าหาญ  (1โกรินโธ 16.13,  เอเฟโซ 6.10,  2ติโมเธียว 4.6-8)
    4. ท่านคิดเป็นสีขาวไหม?  ฟิลิปปอย 4.8

4. เราควรควบคุมความคิดของเรา
    1. ความคิดที่ไม่ดีเข้าไปในใจของคนดี ๆ ความบาปมิใช่การมาของความคิด  แต่การกระทำตามความคิดนั้นแหละ  เราไม่สามารถบังคับห้ามมิให้นกบินข้ามศีรษะเราได้  แต่เราสามารถบังคับมิให้นักทำรังบนศีรษะของเราได้
    2. เราต้องไล่ความคิดชั่วออกไปจากใจของเรา  (2โกรินโธ 10.5)  ความคิดของเราเกิดขึ้นจาการที่ (ก)ฟัง  (ข)เห็น  (ค)อ่าน  เพราะฉะนั้นในการที่เราจะควบคุมความคิด  เราต้องระวังสามอย่างดังกล่าว  เราต้องฟังพระคำของพระเจ้าไว้ในใจเพื่อเราจะไม่กระทำบาป  (บทเพลงสรรเสริญ 119.11)
    3. คำอธิษฐานของเราควรเป็นตาม บทเพลงสรรเสริญ 139.23-24  "ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงตรวจดูและทรงทราบในใจของข้าพเจ้า  ขอทรงลองข้าพเจ้า และทรงทราบความคิดของข้าพเจ้า  ขอทรงพิจารณาดูว่ามีทางชั่วอันใดในตัวข้าพเจ้าหรือ และขอพระองค์ทรงนำข้าพเจ้าไปตามทางซึ่งจะดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์"
   
5. เราควรระวังเป็นพิเศษเรื่องสิ่งที่จะทำให้ติดเป็นนิสัย
    1. คำจำกัดความของคำว่า "นิสัย" โดยเวบสเตอร์ คือ ประเพณีหรือสิ่งที่ปฏิบัติโดยเฉพาะการร่วมหัว โอนอ่อนผ่อนผันตามในการกระทำบางอย่าง เกิดขึ้นโดยการกระทำซ้ำ ๆ และแสดงจนเป็นส่วนหนึ่งของตัวหรือการหย่อนสมรรถภาพในการยับยั้ง เช่น การติดฝิ่น
    2. เราต้องระมัดระวังอย่างใหญ่หลวงจริง ๆ เรื่องนิสัยที่เราปลูกฝังในชีวิต "เพราะถ้าติดนิสัยที่ไม่ดีก็เหมือนกับเตียงนอนที่อ่อนนุ่ม ง่ายที่จะล้มลงไปแต่ยากที่จะลุกขึ้น"  "นิสัยที่ดีก็เหมือนกับภาชนะลายคราม ง่ายที่จะแตก นิสัยที่มีดีก็เหมือนกับหม้อดินเหนียว"
   
6. นิสัยที่เราควรปลูกฝังและเสริมสร้างในชีวิต
    1. ปลูกฝังนิสัยอ่านพระคัมภีร์ประจำทุกวัน (บทเพลงสรรเสริญ 1.1-2)  ร่างกายของเราต้องการอาหารประจำวันฉันใด  กายฝ่ายวิญญาณของเราก็ต้องการอาหารฝ่ายวิญญาณเหมือนกันฉันนั้น (1โกรินโธ 3.1-3)  ความเขลามักเกิดขึ้นกับคริสเตียนเป็นหลักฐานเด่นชัดว่าไม่มีการอ่านและศึกษาพระคัมภีร์เป็นประจำ  ขอให้เรายุติการใช้พระคัมภีร์เหมือนอัลบั้ม  ยิ่งไปกว่านั้นขอให้เรายุติการอ่านหนังสือพิมพ์ทุกวันถ้าเราละเลยการอ่านพระคัมภีร์  ทุกวันคนที่อ่านหนังสือพิมพ์เป็นประจำทุกวันแต่เว้นการอ่านพระคัมภีร์ทุกวัน  ก็เหมือนกับผู้ที่สวาปามเอาเศษอาหารที่เหลือเศษเข้าไปโดยละทิ้งก้อนเนื้ออย่างวิเศษไว้ในถังขยะ
    2. อธิษฐานทุกวัน (1เธซะโลนิเก 5.17)  ดานิเอลกับพระเยซูเป็นตัวอย่างดีในการอธิษฐานประจำวัน (ดานิเอล 6.10,  มาระโก 1.35)  ท่านคิดอย่างไร ถ้าลูกของท่านไม่ยอมพูดกับท่านทั้งวัน?  ถ้าเราล้มเหลวที่จะสนทนากับพระเจ้า  พระองค์จะคิดอย่างไร?
    3. ปลูกฝังนิสัยประชุมสั้น ๆ กับครอบครัวทุกวัน (พระบัญญัติ 6.4-9)  "ครอบครัวที่อธิษฐานร่วมกันมักอยู่ด้วยกัน"  การประชุมอธิษฐานสั้น ๆ ที่บ้านจะมีอิทธิพลอันใหญ่หลวงต่อลูก ๆ ของเรา และเตรียมตัวผู้พ่อให้ ทำการประชุมร่วมกับคริสตจักรในการนมัสการ
    4. ปลูกฝังนิสัยในการไปร่วมประชุมสม่ำเสมอที่โบสถ์  การไปร่วมประชุมนมัสการที่คริสตจักรควรเป็นจุดสนใจสุดยอดในสัปดาห์  พระคำของพระเจ้าสั่งเช่นนั้น (เฮ็บราย 10.25)  สอนโดยตัวอย่าง (กิจการ 2.42)  สอนโดยมารยาท (เฮ็บราย 13.17)  เพื่อให้เราไปร่วมประชุมนมัสการมิให้ขาด
    5. ปลูกฝังนิสัยในการร่วมมือกับคริสตจักร  ถ้าคริสตจักรมีกิจกรรมอะไรก็แล้วแต่  ถ้าเรามีความสามารถทำได้ยื่นมือเข้าไปช่วยทันที
    6. ปลูกฝังนิสัยในการต้อนรับแขก  จะเป็นที่บ้านหรือที่คริสตจักร  คริสเตียนควรมีนิสัยต้อนรับแขกเสมอ
    7. ปลูกฝังนิสัยในการช่วยเหลือผู้อื่น  ทั้งผู้ที่เป็นคริสเตียนและผู้ที่ไม่เป็นคริสเตียน (ฆะลาเตียน 6.3, 10)
    8. ปลูกฝังนิสัยในการกระทำดี (ยาโกโบ 4.17)
    9. ปลูกฝังนิสัยในการโสมนัสยินดี (ฟิลิปปอย 4.8)
    10. ปลูกฝังนิสัยในการเสียสละทั้งชีวิต, เงิน, ความสามารถ และเวลาของเขา (มัดธาย 25.14-30)

7. นิสัยบางอย่างที่ควรล้มเลิกเสีย (1โกรินโธ 3.16, 6.19)
    1. การสูบบุหรี่หรือยาสูบการใช้ยาสูบเป็นนิสัยที่เสียไปโดยไร้ประโยชน์ เป็นการสูญเสียแต่เพียงอย่างเดียว  เสียเงิน ควรใช้เงินไปในทางก่อประโยชน์แก่ครอบครัว หรือคริสตจักรดีกว่า  ยิ่งไปกว่านั้นการสูบบุหรี่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่ผู้อื่น (1ติโมเธียว 4.12) ทำลายอิทธิพลของผู้นั้น (มัดธาย 5.13-16)  ยิ่งกว่านั้นการใช้ยาสูบนั้นทำลายร่างกาย (โรม 12.2)  นอกจากยาสูบและบุหรี่แล้ว ยังมีหมากและเมี่ยงที่คนสูงอายุบางคนชอบเคี้ยวเป็นนิจ  ทั้งหมากและเมี่ยงเป็นนิสัยที่ไม่ดี  เป็นการแสดงความพร่ำเพรื่อ ไม่หนักแน่น และที่สำคัญคือทำลายอิทธิพลที่ดี ไม่เป็นที่นับถือแก่คนทั้งปวง
    2. ดื่มเหล้าหรือจำพวกแอลกอฮอล์  เครื่องดองของเมาทำให้เป็นมลทิน (ดานิเอล 1.8)  ทำให้มึนเมาโดยไม่รู้ตัว (เยเนซิศ 9.20-21)  ทำให้เย้ยหยันและหลอกลวง (สุภาษิต 20.1) เกิดวิบัติ (สุภาษิต 23.29)  กัดเหมือนงูพิษ  (สุภาษิต 23.31-32)  เปรียบเหมือนการล่วงประเวณี (โฮเซอา 4.11)  การดื่มเหล้าหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดควรหลีกเลี่ยง (1เปโตร 2.11)  ถ้าดื่มจะทำให้เสียอิทธิพลที่ดี (มัดธาย 5.13-16)  ยิ่งกว่านั้นสถิติเปิดเผยว่าหนึ่งในจำนวนสิบห้าคนที่ดื่มจะกลายเป็นโรคสุราเรื้อรัง ถ้าเด็กทุก ๆ สิบห้าคนมีหนึ่งคนถูกรถชนตายเมื่อเวลาข้ามถนน อยากทราบว่ามีเด็กกี่คนอยากเดินข้ามถนน  จงระลึกว่าวิธีที่จะทำให้คนเมาเหล้า คือ เริ่มจิบจากแก้วแรก
    3. การสนุกสนาน, หยาบคาย, โลนลามก (เอ็กโซโด 4.29,  20.7) คริสเตียนถามชาวโลกว่า ซาตานให้ค่าจ้างเท่าไรในการพูดจาหยาบคายโลนลามก คำตอบคือ "ไม่ได้รับเลย" คริสเตียนตอบว่า "ถ้าเช่นนั้นคุณได้รับค่าจ้างถูกมากจากการพูดจาหยาบคายโลนลามก, ขัดขืนบัญญัติพระเจ้า, คุณทำให้บาดหมางกับเพื่อน ๆ, ทำให้ขายหน้าในสังคม, ทำให้แม่ของคุณต้องอับอาย  การที่พูดจาหยาบคายโลนลามกทำลายอิทธิพลของท่าน  ความเป็นสุภาพบุรุษของท่านไม่มีเลย  จิตวิญญาณของท่านเสี่ยงมาก โดยไม่ได้ค่าจ้างหรือ?"
    4. การพูดนินทา (สุภาษิต 18.8)  มีผู้ให้คำจำกัดความของการพูดนินทาไว้ดังนี้  "การนินทาเป็นศิลปะของการใช้วาจาออกมาเป็นลมไม่เหลือร่องรอยอะไรเลยนอกจากลม"  คนที่ชอบนินทาผู้อื่นมักเป็นผู้ที่ทำตัวรู้ อะไร ๆ ดี แต่ความจริงมักไม่รู้อะไรเลย  โปรดระลึกว่า เราจะถูกพิพากษาโดยถ้อยคำของเรา (มัดธาย 12.36-37)
    5. หาจับผิด (มัดธาย 7.1-5)  "ถ้าการจับผิดเป็นพลังงานไฟฟ้า  บางคนจะกลายเป็นคนที่มีร่างกายที่ผลิตไฟฟ้าได้"  "ถ้าคุณจะหาจับผิดโปรดใช้กระจกโปรดอย่าใช้กล้องโทรทัศน์"  ความสามารถในการจับผิดนั้นควรเป็นตาลันต์ที่ควรฝังไว้ในโลก"
    6. ความกระวนกระวายใจ (ฟิลิปปอย 4.6-7)  ในมัดธาย 6.24-34  พระเยซูสอนว่าความกระวนกระวายเป็นสิ่งชั่ว ต่ำมากกว่าสัตว์เดรัจฉาน (ข้อ 26)  ไร้ผล (ข้อ 27)  ขาดความเชื่อมั่น (ข้อ 30)  เป็นเหมือนชาวต่างประเทศ (ข้อ 32) โดยไม่จำเป็น (ข้อ 32)

8. เราจะเลิกนิสัยที่ไม่ดีอย่างไร?  (1โกรินโธ 9.27)
    1. ปลูกฝังความปรารถนาอย่างแรกล้าที่จะเลิกสิ่งที่ติดเป็นนิสัย ซอคราติสบอกกับชายหนุ่มคนหนึ่งขณะที่หัวของเขากำลังถูกกดดำลงไปในน้ำโดยมือของซอคราคิสเอง  พลางกล่าวว่า ถ้าชายหนุ่มผู้นั้นอยากได้ความรู้มาก ๆ เท่ากับที่เขาต้องการอากาศหายใจ ไม่ช้าเขาจะเรียนรู้ได้ จำเป็นต้องมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะล้มเลิกนิสัยชั่วและก็ต้องเกลียดชังสิ่งที่ชั่ว (เฮ็บราย 1.9,  โรม 12.9)  การเรียนรู้ว่าเกลียดสิ่งที่ชั่ว  ทำให้เรารู้จักหลีกเลี่ยงนิสัยที่ไม่ดี
    2. ขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า  เราสามารถกระทำทุกอย่างได้โดยพระเยซูผู้ทรงชูกำลังของเรา (ฟิลิปปอย 4.13)
    3. ปรารถนาและยอมรับการช่วยเหลือจากพี่น้อง (โรม 15.1)
    4. จงเลิกและก็ตั้งมั่นคงอยู่ อย่าเป็นเหมือน มาร์ค ทเวน เลิกนิสัยการสูบบุหรี่ กล่าวว่า "ฉันรู้ว่ามนุษย์สามารถเลิกสูบบุหรี่ได้  เพราะว่าฉันเลิกมาตั้งพันครั้งแล้ว"

    สรุป  ถ้าหว่านพืชของความคิด  จะเกี่ยวผลของการกระทำ  ถ้าหว่านการกระทำจะเกี่ยวนิสัย  หว่านนิสัยจะเกี่ยว  หว่านสันดานจะเกี่ยวชีวิต  หว่านชีวิตจะเกี่ยวชะตากรรม

ตอบคำถาม คลิกที่นี่  https://docs.google.com/forms/d/1tpUPhzMr5vhoRbc-SUjNis3XthAIPSb4_41K0wBD-K4/viewform